บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ปะทะเดือด! งานวิจัยชุมชน & EIA ท่าเรือเชฟรอน

Posted by ศูนย์สื่อสังคมภาคใต้ ,

‘คนกรมประมง’ปะทะ‘ชาวท่าศาลา–สิชล’ ไม่เชื่อคุณภาพวิจัยค้านEIAท่าเรือเชฟรอน
ปรัชญเกียรติ ว่าโร๊ะ (DSJ)
คณะทำงานกองบรรณาธิการสื่อภาคใต้
ชาว สิชล–ท่าศาลาชาวสิชล–ท่าศาลา จับมือนักวิชาการวลัยลักษณ์ทำวิจัยโต้EIAท่าเรือเชฟรอนระบุทะลเมืองคอนยัง อุดมสมบูรณ์สร้างมูลค่าให้ชาวประมงมหาศาลต่อปี นักวิจัยกรมประมงติงข้อมูลชาวบ้านยังไม่ได้มาตรฐาน ม.วลัยลักษณ์–ประมงจังหวัดนครฯ ยันข้อมูลชาวบ้านถูกต้อง
เมื่อเวลา 13.00–16.00 น. วันที่ 21 ตุลาคม 2554 ที่ห้อง 301 อาคารเรียนรวม 7มหาวิทยาลัย
วลัยลักษณ์ อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เครือข่ายประมงพื้นบ้านอำเภอสิชล–ท่าศาลา
จังหวัดนครศรีธรรมราช และชุมชนชายฝั่งทะเลท่าศาลาได้จัดเวที “ก่อนกลายเป็นอื่นโหมฺเราขอกำหนดอนาคตตนเองจากท้องทะเลสู่ผืนแผ่นดิน:จากคนหาปลาสู่คนกินปลาทั้งโลก”สนับ สนุนโดยโครงการเสริมสร้างศักยภาพการดำเนินโครงการที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและ สิ่งแวดล้อมสถาบันวิจัยและศูนย์วิชาการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และกรีนพีชเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีนักวิชาการ นักศึกษา และชาวบ้านในชุมชนชายฝั่งทะเลท่าศาลาเข้าร่วมประมาณ 150 คน
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล นำเสนองานวิจัยชุมชนชายฝั่งทะเลสิชล–ท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราชว่าจาก การศึกษา11ชุมชนชายฝั่งทะเลสิชล–ท่าศาลา พบผลผลิตจากทรัพยากรสัตว์น้ำก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 5 พันคน แต่ละคนรายได้ต่อวันอย่างน้อยวันละ 300 บาท มีเงินหมุนเวียนสำหรับค่าแรง 1.5 แสนบาทต่อวัน หรือปีละ 300 ล้านบาท
“เรือ ประมงพื้นบ้าน 1,300 ลำ รายได้เฉลี่ยขั้นต่ำปีละ 391.5 ล้านบาท ขณะเดียวกันสินค้าทะเลที่ส่งไปยังตลาดท้องถิ่น แพปลา และโรงงาน ก็ทำให้เเกิดการจ้างงานมากขึ้นเช่นกุ้งขาวจากชายฝั่งสิชลนำไปส่งโรงงานไทเฮง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อนำไปแปรรูปจะก่อให้เกิดการจ้างงานอีก 400 คน เป็นต้น” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว
จานั้นมีการวิจารณ์งานวิจัยชิ้นดังกล่าว โดยนายแพทย์วิพุธ พูลเจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนา
กลไกการวิจัยผลกระทบด้านสุขภาพ นายดำรงค์ เครือไพบูลย์กุล รักษาการผู้อำนวยการสำนัก
วิเคราะห์สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)ฝ่ายเลขานุการ
ในคณะผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมโครงการ
ท่าเทียบเรือเชฟรอน อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช นายเพิ่มศักดิ์ เพิงมาก ผู้อำนวยการ
ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยตอนล่าง กรมประมง นายฉัตรชัย เวชสาร เจ้าพนักงาน
ตรวจเรือชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 สาขานครศรีธรรมราช และนายเจริญ โต๊ะอีแต
กรรมการเครือข่ายประมงพื้นบ้านท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช มีนายนายธนิต สมพงษ์
นักวิชาการศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ดำเนินการเสวนา
นายแพทย์วิพุธ กล่าวว่า จากการนำเสนองานวิจัยชุมชนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชาวบ้าน
ในการรวบรวมข้อมูล ค้านกับรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมท่าเรือเชฟรอน สำหรับ
การคัดค้านท่าเรือเชฟรอน ชาวบ้านต้องรู้กระบวนการทำงานของแผนระดับชาติ เช่น แผนการ
ลงทุนของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) ผังเมือง แผนก่อสร้างโรงไฟฟ้า
ที่ระบุถึงแผนการพัฒนาปิโตรเคมีอย่างชัดเจน
“ทำอย่างไรในการยกระดับประเด็นทางทรัพยากรสัตว์ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ จากที่เป็นแค่ของคน
ท่าศาลา–สิชล ขึ้นเป็นทรัพยากรของคนจังหวัดนครศรีธรรมราชและของคนไทย หรือของคนทั้งโลก
ทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดเวทีวิพากษ์ ทำให้คนจังหวัดนครศรีธรรมราชตระหนักถึงความสำคัญ
ของ ทรัพยากรร่วมกัน โดยให้มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์นำไปต่อยอดทางวิชาการด้านอุตสาหกรรมแปรรูปต่อ เนื่องจากภาคการเกษตร” นายแพทย์วิพุธ กล่าว
นายดำรงค์ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะผู้ชำนาญการสำนักงานแผนและนโยบายทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมมีมติไม่เห็นชอบรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมท่าเรือเชฟรอนเป็นครั้งที่2
โดยให้กลับไปทบทวนประเด็นระบบนิเวศน์วิทยา เพราะฉะนั้นข้อมูลชุมชนที่ศึกษามาจะเป็นข้อมูล
เบื้องต้นที่จะนำกลับไปเสนอต่อคณะผู้ชำนาญการ พิจารณาทบทวนรายงานการศึกษาผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมท่าเรือเชฟรอน ให้คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียจากภาคส่วนอื่นๆ ด้วย” นายดำรงค์ กล่าว
นายเพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า ข้อมูลการศึกษาของชุมชนมีคุณภาพระดับหนึ่ง แต่ข้อมูลบางตัวอาจไม่ตรง
กับความเป็นจริงมากนัก จะต้องได้ข้อมูลที่เป็นทางการมากกว่านี้ เพราะจะสามารถพัฒนาให้เป็น
เชิงวิทยาศาสตร์ได้มากขึ้น คณะผู้ชำนาญการจึงจะนำไปประกอบการพิจารณารายงานการศึกษา
ผลกระทบสิ่งแวดล้อมท่าเรือเชฟรอนได้
ว่าที่ร้อยตรีกำพล จิตตะนัง จากศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ตอบโต้ว่ากระบวนการ
ศึกษา วิจัยของชุมชน มีศูนย์บริการวิชาการมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ร่วมอยู่ด้วยยืนยันว่าข้อมูลความ อุดมสมบูรณ์ของทะเลสิชล–ท่าศาลา เป็นข้อมูลเชื่อถือได้ ถ้าบอกว่าเชื่อถือไม่ได้ก็แสดงว่าไม่เชื่อในคุณภาพของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
ถ้าคิดว่าข้อมูลงานวิจัยชุมชนชิ้นนี้ไม่เป็นความจริง ให้นายทรงชัย เส้งโสต ประมงอำเภอท่าศาลายืนยันได้
นายทรงชัย ยืนยันว่า ที่ มีนักวิชาการหลายมหาวิทยาลัยวิเคราะห์ว่าทะเลจังหวัดนครศรีธรรมราชเสื่อม โทรมนั้น ตนไม่เชื่อ เพราะจากประสบการณ์การทำงานที่อำเภอท่าศาลาเกือบ 20 ปีตนคลุกคลีกับชาวประมง และเก็บข้อมูลหยาบๆ จากเรือประมงพื้นบ้าน 750 ลำที่ทำมาหากินกันอยู่ ทรัพยากรสัตว์น้ำไม่เคยหมด
“ถ้าทะเลจังหวัดนครศรีธรรมราชตายแล้ว ชาวประมงคงจะตายไปนานแล้วผมขอยืนยันถึงความอุดมสมบูรณ์ของทะเลแถบนี้” นายทรงชัย กล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

พิชัยรื้อแผนส่งน้ำมัน ลงทุนท่อ1.5หมื่นล้าน :พ่วง2โปรเจ็กต์ใหญ่ - ปตท.รับลูกลงทุนเหนือ-อีสาน


“พิชัย” สั่งรื้อแผนขนส่งน้ำมันทั่วประเทศ มุ่งลงทุนท่อส่งน้ำมันเชื่อมเหนือ-อีสานมูลค่า 15,000 ล้านบาท กรมธุรกิจพลังงานระบุผลตอบแทนทางสังคมสูงเกิน 20% และผลตอบแทนการลงทุน 13-14% เสนอก่อสร้างควบคู่ท่อก๊าซ ปตท. ที่อยู่ระหว่างทำอีไอเอ เชื่อลดค่าใช้จ่ายขนส่งน้ำมันปีละกว่า 1,500 ล้านบาท ด้าน ปตท. รับลูกเร่งศึกษาแผนลงทุน เชื่อช่วยลดส่วนต่างราคาน้ำมัน กทม.และต่างจังหวัด

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า มีนโยบายที่ต้องดำเนินการ 3 เรื่องหลัก คือ 1.โครงการท่อส่งน้ำมันเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) เพราะการขนส่งน้ำมันทางท่อ ถือเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด หากเทียบกับทางรถยนต์หรือทางเรือและทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันระหว่าง กทม. และต่างจังหวัดมีน้อยลง ขณะเดียวกันผลตอบแทนจากการลงทุนของเส้นทางท่อน้ำมันภาคอีสานจะได้ประโยชน์ สูงสุด เพราะจำนวนประชากรมีจำนวนมาก ที่สำคัญยังได้ประโยชน์จากการส่งออกไปยังประเทศลาวอีกทางหนึ่งด้วย 
2.โครงการสำรวจและขุดเจาะพลังงาน บริเวณพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลโดยเฉพาะพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้เอ็มโอยูปี 2544 ที่ยังไม่มีการยกเลิก จึงเป็นช่องทางการพัฒนาทางเศรษฐกิจบนพื้นที่ดังกล่าวต่อไป หากกระทรวงการต่างประเทศเริ่มผลักดันโครงการดังกล่าว กระทรวงพลังงานพร้อมรับลูก เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และ 3.พลิกฟื้นโครงการแลนด์บริดจ์ตามแนวเส้นทางสตูล-สงขลา ในโครงการดังกล่าวจะมีทั้งโรงกลั่นและโรงงานปิโตรเคมี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจภาคใต้ต่อไป
“รัฐบาลนี้คิดถึงอนาคต ถ้าไม่มีก๊าซธรรมชาติมาใช้ผลิตพลังงาน จะหามาจากไหน หากกระทรวงต่างประเทศเริ่มเจรจาพื้นที่ทับซ้อนได้ ก็พร้อมรับลูกเพื่อส่งเสริมและดำเนินการต่อ เพราะมีสมบัติร่วมกันอยู่แล้ว อะไรที่ทำให้เกิดประประโยชน์แก่ทั้ง 2 ประเทศ ต้องทำ ขณะที่ไทยมีความพร้อมด้านโรงแยกก๊าซธรรมชาติมากกว่ากัมพูชา ซึ่ง ปตท. ลงทุนพัฒนามา 30 ปี มีโรงงานปิโตรเคมีรองรับการผลิตสินค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มได้จำนวนมาก”
ขณะที่รายงานจากกรมธุรกิจพลังงาน  ระบุว่า สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ของประเทศไทย โดยการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และการที่ต้องผลักดันโครงการนี้ เนื่องจากทั่วโลกยอมรับว่าการขนส่งน้ำมันผ่านท่อ เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อเทียบกับทางรถยนต์หรือทางเรือ จากผลการศึกษาดังกล่าวพบว่าปัจจุบันการขนส่งน้ำมันทางเรือ ที่เกิดปัญหาความลึกของร่องน้ำ ทำให้เรือไม่สามารถบรรทุกน้ำมันได้เต็มความสามารถและมีข้อจำกัดของเวลาที่ เรือจะสามารถเข้าเทียบท่าได้เฉพาะช่วงเวลาน้ำขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งต่อหน่วยสูงและคลังใช้งานท่าเรือไม่เต็มประสิทธิภาพ
ส่วนการขนส่งน้ำมันทางรถบรรทุก มีการกำจัดช่วงเวลาวิ่งของรถบรรทุกน้ำมันและการกำหนดเขตพื้นที่ห้ามรถบรรทุก น้ำมันวิ่งในเขตเมืองหลัก ทำให้การรับ-จ่ายน้ำมันของคลังน้ำมันและการขนส่งน้ำมันให้กับสถานีบริการ น้ำมันและลูกค้าทำได้ในช่วงเวลาจำกัด ขณะที่การขนส่งน้ำมันทางรถไฟมีปัญหาจำนวนหัวรถจักรไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ค้าน้ำมันมีแนวโน้มใช้การขนส่งทางรถไฟไปยังคลังน้ำมันในภูมิภาคลดลง อีกทั้งระบบท่อส่งน้ำมัน 2 เส้นทาง ปัจจุบันยังไม่มีการเชื่อมต่อกัน ทำให้การแลกเปลี่ยนน้ำมันระหว่างโรงกลั่นหรือผู้ค้าน้ำมันยังไม่ได้รับความ สะดวก จึงมีการขนส่งน้ำมันทางท่อน้อยไม่เต็มศักยภาพท่อที่มีอยู่
สำหรับแนวทางการขนส่งน้ำมันระยะยาว ต้องมีการต่อขยายแนวท่อส่งน้ำมันที่มีอยู่แล้ว จากจังหวัดสระบุรีไปภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยผลการศึกษาได้เสนอแนวทางการลงทุนไว้ 2 ทางเลือก กล่าวคือ แนวทางแรก มีการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันจากสระบุรีไปภาคเหนือ ผ่านพิษณุโลกและลำปาง และแนวท่ออีกเส้นที่แยกไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านนครราชสีมาและขอนแก่น รวมระยะทาง 958 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนประมาณ 15,237 ล้านบาท  มีผลตอบแทนทางการเงิน 14.7% และมีผลตอบแทนทางสังคมและเศรษฐกิจ 21.8%
ส่วนแนวทางที่สอง เป็นการต่อขยายจากสระบุรีไปอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี หลังจากนั้นท่อจะแยกออกจากกันไปภาคเหนือผ่านพิษณุโลกและลำปาง  และแนวท่ออีกเส้นจะแยกไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านชัยภูมิไปจนถึงขอนแก่น รวมระยะทาง 887 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนประมาณ 13,751 ล้านบาท มีผลตอบแทนทางการเงิน 13.7% และมีผลตอบแทนทางสังคมและเศรษฐกิจ 20.6%
ส่วนผลประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้จากการลงทุนครั้งนี้ หากโครงการสามารถเกิดขึ้นได้ช่วงปี 2556 จะสามารถลดค่าใช้จ่ายการขนส่งน้ำมันได้ปีละ 1,571 ล้านบาท ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสำหรับการขนน้ำมันได้ 1,311 ล้านบาทต่อปี ลดการจราจรทางบกได้ 26% และลดการจราจรทางน้ำได้ 6%
อย่างไรก็ตามการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันทั้ง 2 เส้นทาง สามารถดำเนินงานควบคู่กับการก่อสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติของบริษัท  ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่มีโครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซฯไปจังหวัดนครสวรรค์และนครราชสีมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) โดยการก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จปี 2558
นายณัฐชาติ จารุจินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กรบริษัท  ปตท. จำกัด (มหาชน)  หรือ PTT กล่าวกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ปตท. อยู่ระหว่างการศึกษาแผนลงทุนท่อส่งน้ำมันเส้นเหนือและอีสาน ขณะนี้ผลการศึกษาใกล้แล้วเสร็จ โดยต้องหารือร่วมกับรัฐบาลก่อน เนื่องจากการส่งทุนดังกล่าวต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ไม่สูงนักหรืออยู่ที่ประมาณ 11% เท่านั้น
ทั้งนี้ การที่ ปตท. จะลงทุนท่อส่งน้ำมันดังกล่าวหรือไม่นั้น จำเป็นต้องดูถึงวอลุ่มน้ำมันด้วยว่ามากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากแผนลงทุนท่อส่งน้ำมันเส้นเหนือและอีสานสามารถดำเนินการได้จะช่วย ด้านระบบโลจิสติกส์โดยรวมของประเทศได้ เนื่องจากสามารถลดจำนวนการขนส่งทางรถบรรทุก รวมทั้งยังช่วยลดความแตกต่างของราคาน้ำมันเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัดลงได้
“ตอนนี้ ปตท. กำลังศึกษาแผนลงทุนท่อส่งน้ำมันเส้นเหนือและอีสาน แต่ต้องหารือกับรัฐบาลก่อน เพราะเงินลงทุนที่ใช้ก้อนใหญ่ อีกทั้งผลตอบแทนไม่สูง นอกจากนี้ต้องดูวอลุ่มน้ำมันด้วยว่าจะเป็นเท่าไร อย่างไรก็ตามแผนลงทุนดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งอาจเป็นการลงทุนของภาครัฐก็ได้” นายณัฐชาติ กล่าว


หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ

สินทรัพย์มโหฬารกลับมาสู่ประชาชน

ประเมินไว้โรงกลั่นไว้โรงละ 1 บาท จะกลายเป็นโรงละ 1.2 แสนบาท

“ปานเทพ” ขอบคุณทุกคนที่ดูเอเอสทีวี ผู้สนับสนุน และคนที่เคยร่วมกิจกรรมกับพันธมิตรฯ ชี้ถือว่าได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์มาด้วยกัน เพราะทีวีช่องนี้ได้เปลี่ยนแปลงประเทศหลายอย่าง ด้าน “ทนายสุวัตร” เผยอย่างช้าปีครึ่งตัดสินคดี ปตท. มั่นใจไม่มีทางแพ้ แต่หวั่นศาลให้เป็นโมฆะจริงแต่ไม่ให้เพิกถอนหุ้นเพราะกระทบวงกว้าง หวังนิติรัฐจะไม่ใช้หลักรัฐศาสตร์มาตัดสิน พร้อมระบุภายใน พ.ย. ลุยฟ้องอาญา ธ.ไทยพาณิชย์ และผู้ถือหุ้นที่ผิดหลักเกณฑ์
   

        คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนเคาะข่าว”  
   
       วันที่ 17 ต.ค. เมื่อเวลา 20.30 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมรายการ “คนเคาะข่าว”
   
       โดยนายปานเทพกล่าวว่า นับตั้งแต่ที่ยุติการชุมนุม 158 วัน เราได้ดำเนินการดำรงสถานภาพเป็นเอเอสทีวี ตอนนั้นรู้เลยว่าเอเอสทีวีต้องเผชิญกับอำนาจรัฐฝ่ายพรรคเพื่อไทย กลุ่มนายทุนก็ไม่มีทางที่จะมาสนับสนุนเอเอสทีวี เนื่องจากหวาดกลัวเรื่องการถูกคุมคามจากอำนาจรัฐ
   
       ช่วงชุมนุม 158 วันก็ต้องยอมรับว่าการที่วิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ ก็ทำให้คนที่ชื่นชมพรรคประชาธิปัตย์ถอยออกไปจากการสนุบสนุนเอเอสทีวี ไม่ว่าจะเป็นยอดเอสเอ็มเอสที่ลดลง ไม่ว่าจะยอดผลิตภัณฑ์เอเอสทีวีที่ลดลง ซึ่งเราก็รับสภาพ
   
       จนกระทั่งระหว่างการชุมนุมก็ถูกโจมตีว่าได้รับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณหลายพันล้านบาท ถึงขนาดปล่อยข่าวลือว่าสนับสนุนเอเอสทีวีทำไม รวยแล้ว จนกระทั่งมีคนเชื่อ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเอเอสทีวีอ่อนแอลงมาก
   
       ความจริงเอเอสทีวีอยู่ไม่ได้ด้วยตัวเองมานานแล้ว รอบหลายปีที่ผ่านมา นายสนธิได้ขายทรัพย์สินของตัวเอง  ขายรถยนต์ส่วนตัว ที่ดิน หุ้นโรงแรมในต่างประเทศ เพื่อเอาเงินมาทุ่มกับเอเอสทีวี หลายครั้งก็กู้ยืมเงินจากเพื่อน จากนักธุรกิจคนอื่น ไม่มีใครรู้เลยว่าเอเอสทีวีประสบปัญหาอะไร
   
       นายปานเทพกล่าวต่อว่า เราไม่เคยรับเงินจากนายทุนใหญ่ ต่อให้พลิกขั้วเป็นประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยได้รับเงินจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ ไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากนายทุน เรากำลังท้าทายสิ่งที่สำคัญมาก คือ เราอยู่ภายใต้ความเชื่อเดิมว่าทุนกับอำนาจรัฐเป็นตัวครอบงำสื่อ สื่อจะดำเนินการธุรกิจได้ต้องเลือกทุนใดทุนหนึ่ง ต้องอยู่ภายใต้อำนาจการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถึงจะอยู่ได้ แต่เราก็วิจารณ์ทุกพรรคการเมือง และเราก็เลือกที่จะยอมสูญเสียมวลชนจำนวนหนึ่ง ที่เลือกเชียร์บางพรรคการเมือง  เหลืออยู่อย่างเดียวคือประชาชนจะสนุบสนุนมากน้อยแค่ไหน
   
       มีคนถามว่าสื่อทางเลือกอื่นๆ ทำไมอยู่ได้ ตนบอกแบบชัดๆ เลย สื่อทางเลือกเกือบทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจรัฐ หรืออำนาจทุน ข้างใดข้างหนึ่งทั้งสิ้น
   
       แล้วทำไมเราอยู่ไม่ได้ เอเอสทีวีนอกจากไม่อยู่ภายใต้อำนาจรัฐ อำนาจทุน เรายังต้องดำรงอยู่เป็นสถานีข่าวด้วย เพราะหากตัดบทง่ายๆ แค่เปิดดีวีดีถ่ายทอดเพื่อหาโฆษณา ไม่ต้องมีบุคลากรมากมาย แต่สถานีข่าวต้องมีกล้องในสตูดิโอ กล้องข้างนอกสถานที่ มีรถถ่ายทอดสด มีศูนย์ข่าวต่างจังหวัด
   
       “เอเอสทีวีอาจไม่ร่ำรวยในทางธุรกิจ แต่คิดว่าเราเปลี่ยนประเทศได้ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เชื่อว่าเอเอสทีวีเป็นประวัติศาสตร์ ที่ทุกคนภาคภูมิใจได้ ถ้าใครได้ดูอยู่ ถ้าใครสนับสนุน ใครที่เคยเข้าร่วมกิจกรรม เราคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ร่วมสร้างขึ้นด้วยกัน” นายปานเทพกล่าว
   
       นายสุวัตรกล่าวว่า ตนเป็นเพื่อนนายสนธิ รู้นิสัยดีว่าเป็นคนมีหลักการ ค้างค่าเช่าดาวเทียม 12 ล้านบาท ตนก็บอกว่าตอนนี้กองทุนพันธมิตรฯ สู้คดี มีเงินสด 2.5 ล้าน นายสนธิไม่เอา ไม่เคยเอ่ยปากเลย และไม่เคยเอ่ยปากกับนายพิภพที่ดูแลกองทุนช่วยผู้บาดเจ็บ ไม่เคยเอ่ยปากกับ อ.สามารถ ที่ดูแลมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
   
       ทุกคนรู้ดีในอดีตที่ผ่านมานายสนธิถูกฟ้องล้มละลาย โดย พ.ต.ท.ทักษิณฟ้องต้องการให้ล้มละลาย เป็นหนี้ 200 กว่าล้าน แล้วก็ล้มละลายไป พอ 3 ปีกลับมาโดยอัตโนมัติ หลายคนบอกว่าล้มบนฟูก แต่ตนรู้ดีว่าไม่ได้ล้มบนฟูก เงินที่ทำบริษัท ไทยเดย์ ก็ดึงเงินส่วนของหนังสือพิมพ์ ซึ่งอยู่ได้แล้วมาทำ หลายคนบอกว่าไปรับเงิน พ.ต.ท.ทักษิณ แม้ฟ้อง ปตท.แล้วก็ยังมีข่าวว่ารับมาอีก 3 พันล้าน และแบ่งตนกับ พล.ต.จำลอง ถ้ารับเงินมาจะฟ้องหรือ เพราะฉะนั้นก็ไม่เป็นความจริง
   
       นายสุวัตรกล่าวอีกว่า มีอีกหลายเรื่องที่ไม่ควรเปิดเผย เป็นความลับของลูกความ แต่ขออนุญาตพูดหน่อย นายสนธิแลกเช็ค 20 ล้านบาท เป็นหนี้ค้ำประกันในกิจการเอเอสทีวีอยู่  ถูกฟ้องที่ศาล ตอนนี้ศาลตัดสินให้แพ้แล้ว อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ก็ไม่มีเงินไปวางศาล เขาบังคับให้เราจ่ายเงินแต่ก็ไม่มีจ่าย ตนรู้สถานะนายสนธิดี
   
       ถ้าไม่มีเอเอสทีวีจะไล่ พ.ต.ท.ทักษิณได้หรือ ไม่มีเอเอสทีวีไล่นายสมัคร นายสมชาย ได้หรือ แล้วใครจะต่อสู้เพื่อปราสาทพระวิหาร
   
       มั่นใจไม่มีทางแพ้คดีปตท.
   
       นายปานเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องท้าทายวันที่ ปตท.มาเจรจากับทนายสุวัตร ให้ยุติการฟ้องคดี มาพบนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ให้หยุดฟ้อง ในที่สุดเขาก็มีโฆษณามา หวังว่าเราจะเกรงใจแล้วหยุด แต่เราไม่หยุด ในที่สุดคนก็ลือว่ามีโฆษณาแล้ว แสดงว่ายอมจำนนต่อ ปตท. ในที่สุดเราก็เดินหน้าไปฟ้องให้เห็น และศาลก็ประทับรับฟ้อง เป็นบทพิสูจน์ที่สื่อเล็กๆ ท้าทายทุนที่ใหญ่ที่สุด เราสู้กับทุนมหาศาล เพราะเรามีประชาชน ที่เสียสละมามากแล้ว ทั้งชีวิต ทั้งเงินบริจาค ที่เราทำคือเกียรติภูมิของสื่อ ตนคิดว่าปตท.เป็นกรณีตัวอย่างที่ชัดที่สุด ว่าเราทำเพื่ออะไร
   
       นายสุวัตรกล่าวเสริมว่า ปกติเวลาตนไปฟ้องคดีไหน สื่อจะไปทุกสื่อเลย แต่วันที่ไปฟ้อง ปตท. เขาสามารถปิดข่าวฟรีทีวีได้หมดทุกช่อง นักข่าวไปทำข่าวแต่ก็ไม่ได้ลง มีมติชนลงอยู่นิดนึง จนกระทั่งศาลรับฟ้องเมื่อ 7 ต.ค.ก็ยังไม่มีข่าว หมายความว่าเขาสามารถปิดสื่อได้ทุกฉบับจริงๆ เขาแน่มาก
   
       นายสุวัตรกล่าวอีกว่า จากนี้ไปอย่างเร็ว 1 ปี อย่างช้าปีครึ่ง คดี ปตท.จะตัดสิน บอกได้เลยว่าเป็นความภาคภูมิใจของพันธมิตรฯ ทุกคน พวกเราช่วยกันหาข้อมูล และต้องขอขอบคุณพันธมิตรที่จองหุ้น ปตท.แล้วไม่ได้ก็มาร่วมฟ้องกับเรา หากศาลตัดสินให้ชนะคดี เรียกว่าประเทศไทยท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพเลย
   
       เพราะปตท.หากินกับน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติ ประเทศไทยส่งออกน้ำมันเป็นอันดับหนึ่ง สูงกว่าข้าวสารและยางพารา มีน้ำมันอันดับ 35 ของโลก มีแก๊สธรรมชาติที่ผลิตได้อยู่ในอันดับ 23 ของโลก แต่เก็บค่าภาคหลวงบวกภาษีบวกค่าจิปาถะได้แค่ 28.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไนจีเรียเก็บ 70 เปอร์เซ็นต์ กัมพูชา 60 เปอร์เซ็นต์ อินโดนีเซีย 90 เปอร์เซ็นต์
   
       เมื่อผลพิพากษาออกมาผู้ฟ้องทุกคน ไม่ได้อะไรแม้แต่บาทเดียว แต่ผลประโยชน์ตกที่ประชาชนทั้งประเทศ เพราะคำขอท้ายฟ้อง ระบุว่า
   
       1.ขอให้ศาลได้โปรดมีคำพิพากษาว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 750 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิม 50 ล้านหุ้น ตกเป็นโมฆะ ให้ขายใหม่ และให้เพิกถอนบัญชีผู้ถือหุ้นที่ได้ซื้อหุ้นไปก่อนเวลา 09. 30 น. จำนวน 863 ราย ซึ่งพวกนี้ต้องถูกฟ้องคดีอาญาด้วย และที่ได้หุ้นไปมากกว่า 1 ใบจอง 428 ราย และให้เพิกถอนบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นผู้อุปการะคุณ 25 ล้านหุ้น ที่ได้ไปหุ้นละ 10 บาท และให้หุ้นตกเป็นของแผ่นดินหรือผู้ถือหุ้นเดิมก็คือกระทรวงการคลัง และให้เพิกถอนบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่เป็นนิติบุคคลต่างประทศ 320 ล้านหุ้น พวกนี้ก็คือฝรั่งหัวดำ นอมินีทั้งหลาย เชื่อว่าเป็นนักการเมืองทั้งนั้น ถ้าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ก็คือปตท.ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
   
       นายสุวัตรกล่าวต่อว่า เตรียมฟ้องภายใน พ.ย. บอกก่อนเลยธนาคารไทยพาณิชย์ที่รับจองหุ้นก่อน 09.30 น. และรับมากกว่า 1 ใบจอง โดนก่อน ถือว่าร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เพราะตามทีโออาร์แล้วซื้อผิดจากที่กำหนดมันต้องเด้งออก แต่นี่คนนึงได้ 10-11 ใบจอง
   
       2.ขอศาลได้โปรดมีคำพิพากษาให้หุ้นในโรงกลั่นน้ำมันจำนวน 4 โรง ที่แปรรูปไปโรงละ 1 บาท ทั้งหมดที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ถือ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เพราะเป็นทรัพย์ของรัฐและประชาชนที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ฉ้อฉล เบียดบัง ตีราคาตามสมุดบัญชีนำไปเป็นของตน แต่หากศาลจะเห็นว่าหุ้นในโรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวจำนวน 4 โรง ยังคงเป็นของปตท.ก็ขอให้ศาลได้โปรดระงับการผูกขาด โดยโปรดระงับการมีอำนาจเหนือตลาดและครอบงำตลาด โดยสั่งให้ปตท.ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 25 เปอร์เซ็นต์ ในโรงกลั่นใดโรงกลั่นหนึ่ง และขายหรือกระจายหุ้นในโรงกลั่นอีก 3 โรง เพราะถ้าคุม 4 โรง ราคาน้ำมันไม่มีการแข่งขัน นอกจากนั้นอีก 3 โรง ให้กระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นที่ไม่ใช่กิจการของเครือปตท. โดยให้ปตท.ถือหุ้นในโรงกลั่นที่เหลืออีก 3 โรง ได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ไม่อย่างนั้นตั้ง CEO ไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมสำหร้บผู้บริโภค
   
       3.ขอให้ศาลได้โปรดมีคำสั่งหรือพิพากษาบังคับให้กระทรวงการคลังดำเนิน การทวงคืนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน อันได้มาจากอำนาจตามกฎหมายมหาชน คือ โรงกลั่น ท่อส่งก๊าซ รวมอุปกรณ์ส่วนที่ยังไม่ได้คืน ทั้งบนบก ในทะเล รวมทั้งให้ใช้ค่าท่อส่งก๊าซ และดอกผลของค่าใช้บริการในการส่งก๊าซทั้งหมด และทรัพย์สินตามฟ้อง ข้อ 3.1-3.5 คือ ให้ไปตามเอาทรัพย์สินของบริษัทลูกทั้งในและต่างประเทศ กลับมาด้วย
   
       และให้กระทรวงการคลังดำเนินการทวงคืนโรงแยกก๊าซ 4 โรง เนื่องจากเป็นทรัพย์ของรัฐ และประชาชน ที่ถูก ปตท.ฉ้อโกง เบียดบังนำไปเป็นของตน แต่หากศาลเห็นว่าท่อก๊าซ โรงงานแยกก๊าซธรรมชาติ และอุปกรณ์ ยังเป็นของปตท. ขอศาลได้โปรดระงับการผูกขาดทางการค้า  และโปรดระงับการมีอำนาจเหนือตลาด และการครอบงำตลาด โดยสั่งให้ปตท.เป็นเจ้าของโรงแยกก๊าซโรงใดโรงหนึ่ง และขายโรงแยกก๊าซอีก 3 โรงให้ประชาชน ทั้งนี้เพื่อสร้างการแข่งขัน และการค้าที่เป็นธรรมแก่ผู้บริโภค
   
       “คำฟ้องนี้ศาลตรวจดูแล้ว ปตท.วิ่งตีนขวิดเพื่อไม่ให้รับฟ้อง แต่เป็นคำฟ้องที่มีเหตุผล เขียนมาจากข้อเท็จจริง และกลั่นจากมันสมองทุกหยด ศาลจึงรับฟ้อง และโดยรูปคดีไม่มีทางแพ้  แต่ที่กริ่งเกรง กลัวว่าศาลตัดสินให้การขายหุ้นเพิ่มทุนเป็นโมฆะจริง แต่ศาลจะระบุว่าการเพิกถอนหุ้นจะกระทบเป็นวงกว้าง กลัวศาลเขียนแบบนี้ อันนั้นจะเป็นการใช้หลักรัฐศาสตร์ แม้มันกระทบวงเท่าไหร่เมื่อเป็นนิติรัฐต้องตัดสินตามกฎหมาย ถ้าตัดสินตามหลักรัฐศาสตร์ จะไม่เห็นด้วย”
   
       นายสุวัตรกล่าวว่า มั่นใจว่าหากชนะคดี ประชาชนจะใช้น้ำมันราคาถูกลงถึงครึ่งหนึ่ง แก๊ซ แอลพีจี เอ็นจีวี ถูกลงและไม่ขาดแคลน ถ้าไม่มีการครอบงำตลาด ประเทศเราไม่มีอะไรขาด ประเทศจะโชติช่วงชัชวาล
   
       นายปานเทพกล่าวเสริมว่า เนื้อหาที่เราเตรียมไม่แพ้หรอก ต่อให้ผู้พิพากษาไม่เข้าใจเรื่องนี้มาก่อน เมื่อเห็นหลักฐาน เห็นข้อเท็จจริง ศาลจะต้องให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนในท้ายที่สุด แล้วมันจะมีหลายอย่างกลับคืนสู่ประเทศ  ค่าภาคหลวงที่ต่ำที่สุด จากเดิมที่เราได้ 4 หมื่นล้าน จะกลายเป็น 4 แสนล้านบาทต่อปี หรือแม้กระทั่งปตท.ที่มีสินทรัพย์ราคาถูก ที่ประเมินไว้โรงกลั่นไว้โรงละ 1 บาท จะกลายเป็นโรงละ 1.2 แสนบาท ท่อก๊าซอีกต่างหาก มันจะเป็นสินทรัพย์มโหฬารกลับมาสู่ประชาชน

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ บทสนทนาจาก มาจากกระปุ๋ก.คอม

หัวข้อ: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 01 กันยายน 2011, 07:42:11


บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจขึ้นแน่ๆครับราคาLPG


พลังงานเล็งลอยตัวLPGตามราคาตลาดโลก (ไอเอ็นเอ็น)
          พลังงาน เล็งลอยตัว ราคา LPG ตามราคาตลาดโลก พร้อมออกบัตรเครดิตช่วยผู้มีรายได้น้อย ภาคครัวเรือน
          นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ (สนพ.) กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน มีแผนที่จะลอยตัวราคา LPG ในระดับราคาตลาดโลกที่ 30 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมตรึงราคาที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะมีนโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ด้วยการออกบัตรเครดิตพลังงาน เบื้องต้นจะให้ใช้ LPG ในภาคครัวเรือนก่อน โดยจะเปิดให้ประชาชนมาลงทะเบียน


ขอมูลผมเอามาจากกระปุ๋ก.คอม  ลองอ่านกันดูครับ

ความคิดเห็นที่ 168 หัวข้อข่าว พลังงานเล็งลอยตัว LPG ตามราคาตลาดโลก
  
ก๊าซของประเทศไทย แต่ต้องไปอิงราคาต่างชาติ
ถ้าเค้าไม่จนคงไม่ไปติดแก็สกันหรอกคับ
นโยบายไม่ได้เรื่องซักอัน

   จากคุณ เด็กเทพๆ เช็ค IP  [ 31 ส.ค. 2554 18:25:28 ]  

   ความคิดเห็นที่ 172 หัวข้อข่าว พลังงานเล็งลอยตัว LPG ตามราคาตลาดโลก
  
นโยบายเพื่อไครทำให้คนจนหมดไปจริงครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะคนจนอดตายหมดประเทศไง 555

   จากคุณ vbvb เช็ค IP  [ 31 ส.ค. 2554 19:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 174 หัวข้อข่าว พลังงานเล็งลอยตัว LPG ตามราคาตลาดโลก
  
ประเทศ ไทยมีเรื่องที่อัศจันทร์ไรอีกเยอะ ปตท คิด ว่าคนไทยโง้หรือไง แก๊สที่ผลิตได้ในประเทศไทย ก็มาจากการกลั่นน้ำมันทั้งนั้น แล้วน้ำมันที่ได้จากอ่าวไทยก็ไปลงเรือไปขายในต่างประเทศมีหน่วยงานไหนบ้าง ที่จะตรวจสอบโรงกลั่นนอกอ่าว มีตัวเลขไหนที่ชี้ว่าวันวันผลิตได้เท่าไร แล้วก็ไปอิงน้ำมันสิงคโป ทำไม มาเลเซียจึงใช้น้ำมันถูกทำไมประเทศไทยจึงน้ำมันแผง ผมคนหนึ่งที่ใช้ LPG เดือนร้อนสิครับ ท่าน เงินเดือน ย้งไม่ถึง 15,000 เลย จะเอาตังที่ไหนมาเติมน้ำมัน เสี่ยงก็เสี่ยง ไม่รู้ว่ามันจะระเบิดวันไหน หยุดเถอะครับท่านปตท เห็นแก่ส่วนรวมบ้าง ที่เข้าใช้LPG กัน เพราะพวกท่านเล่น ปั่น กำไรน้ำมัน กันว่าเล่น นี้จะมาขึ้น LPG อีก อีกหน่อยคงต้องเลี้ยงควาย ขี่ เกวียนกัน นี้กว่า ฉันขี้นไอ้ทุย วิ่งลุย ถ สาทร ปตท ปตท ปตท หยุด เถอะ

   จากคุณ คนใช้ LPG เช็ค IP  [ 31 ส.ค. 2554 20:04:51 ]

ความคิดเห็นที่ 175 หัวข้อข่าว พลังงานเล็งลอยตัว LPG ตามราคาตลาดโลก
  
อุตส่าห์ เลือกเข้าไปแท้ๆ...ทำกันได้ มาถึง ก็จะขึ้นlpg ภาคขนส่งและอุตสาหกรรมกันเลย...เฮ้อ..เพิ่งไปติดในรถมาหมาดๆได้ไม่กี่วันเอง ...เซ็ง...แต่ก็ได้ข่าวมาจากตามเว็บไซ้ด์ ในเรื่องไม่ค่อยจะดีเกี่ยวกับราคาแกส น้ำมันของ ปตท มาเยอะเหมือนกัน เรื่องราคาขายปลีกอ่ะนะครับ ว่าต้นทุนจริงๆมันก็ไม่น่าสูงขนาดนี้นะ ว่ากันว่า ปตท ขาดทุน...ลองไปถาม พนักงานเค้าดูดิ ว่า สิ้นปีได้โบนัสกันกี่เดือน

   จากคุณ boy เช็ค IP  [ 31 ส.ค. 2554 20:13:28 ]  

   ความคิดเห็นที่ 176 หัวข้อข่าว พลังงานเล็งลอยตัว LPG ตามราคาตลาดโลก
  
คน จน จะ หมดไปจากประเทศไทย แล้วดีใจ จัง

เพระว่าคนจะตายหมด มีแต่คนรวย ที่จะอยู่รอด ลดราคาน้ำมันเบนซิน 94 95 เพราะไร ก็เพราะคนรวยพวกที่ใช้ รถแพง ราคาเป็นล้าน

เห็น แก่คน รวย แล้ว มาขึ้น ราคาแก๊ส หนุกหนานเลยคับท่านพี่น้อง อีกหน่อยจะได้กิน ข้าวแกง จานละ 70 บาท แน่

   จากคุณ รักประเทศ เช็ค IP  [ 31 ส.ค. 2554 20:14:21 ]

ความคิดเห็นที่ 184 หัวข้อข่าว พลังงานเล็งลอยตัว LPG ตามราคาตลาดโลก
  
ทำไม ไม่ ลอย ราคา NGV บ้าง ท่านรัฐมนตรีพลังงาน ก็เพราะว่าเจ้าของรายใหญ่ เป็น ของ ปตท ไง ละครับ ก่อนที่จะขึ้นก็ควรทำประชาวิจารณ์ บ้าง ว่าประชาชน ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นอย่างไร
ขอถามไรหน่อย ปั้มปตท มีกี่ปั้มในต่างจังหวัด เติมที่ต้องรอเป็นชั่วโมงก็ท่านจะทำอะไรก็เห็นแก่ประเทศด้วย ขาย NGV ไม่ออกก็เลยลอยตัว LPG จำได้ไมครับ แต่ก่อนที่ ปตท ติดแก๊สNGV ให้กับรถแท็กซี่ มีนโยบายอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะแต่ก่อนรถแท็กซี ก็ใช้ LPG เพราะค่าติดตั้งถูกเหมาะสำหรับคนหาใช้กินค่ำ แต่ NGV ค่าติดตั้งแพง แล้วตาสีประสา ใช้อะไรกับ NGV ปั้ม ก็น้อย บางจังหวัดไม่มีเลย

   จากคุณ รักชาติ เช็ค IP  [ 31 ส.ค. 2554 20:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 206 หัวข้อข่าว พลังงานเล็งลอยตัว LPG ตามราคาตลาดโลก
  
300 บาท 15000/เดือน แต่ข้าวของแพงขึ้น

   จากคุณ ดดด เช็ค IP  [ 31 ส.ค. 2554 23:54:23 ]



พวกพ้องมันรวยแต่พวกเราจนลง  by. โบ ณ.บางแสน


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jam-maew ที่ 01 กันยายน 2011, 08:09:41

ขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ยังพอจะรับได้ แต่ถ้าเล่นขึ้น 30 บาท ถูกกว่าน้ำมันนิดหน่อยนี่
มีปัญหาแน่ๆ ผมคนนึงละที่จะเอาเรื่องพวกมัน  >:(


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 01 กันยายน 2011, 08:22:21

งานนี้มียกถังแก็สออกแน่ๆ


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kru_jed ที่ 01 กันยายน 2011, 08:25:07

 :-[ :-[ :-[ :-[

 :'( :'( :'( :'(


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Ton_Dezember ที่ 01 กันยายน 2011, 08:35:35

แมร่งเอาเปรียบคนอื่น  เห็นแกพวกพ้อง  โอ้ยๆๆเยอะ


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Mee ที่ 01 กันยายน 2011, 08:36:03

งามไส้ละทีนี้  :'( :'( :'(


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 01 กันยายน 2011, 08:49:37

ความคิดเห็นที่ 175 หัวข้อข่าว พลังงานเล็งลอยตัว LPG ตามราคาตลาดโลก
 
อุตส่าห์ เลือกเข้าไปแท้ๆ...ทำกันได้ มาถึง ก็จะขึ้นlpg ภาคขนส่งและอุตสาหกรรมกันเลย...เฮ้อ..เพิ่งไปติดในรถมาหมาดๆได้ไม่กี่วันเอง ...เซ็ง...แต่ก็ได้ข่าวมาจากตามเว็บไซ้ด์ ในเรื่องไม่ค่อยจะดีเกี่ยวกับราคาแกส น้ำมันของ ปตท มาเยอะเหมือนกัน เรื่องราคาขายปลีกอ่ะนะครับ ว่าต้นทุนจริงๆมันก็ไม่น่าสูงขนาดนี้นะ ว่ากันว่า ปตท ขาดทุน...ลองไปถาม พนักงานเค้าดูดิ ว่า สิ้นปีได้โบนัสกันกี่เดือน

   จากคุณ boy เช็ค IP  [ 31 ส.ค. 2554 20:13:28 ]   


ผมชอบไอ้คนนี้  สายไปแล้ว  ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: DeviL's_OuM ที่ 01 กันยายน 2011, 08:57:32

LPG ขึ้น. อาหาร ก็แพงขึ้น ปรับป.ตรี เป็น 15,000 แต่เงินเดือนตรูไม่ปรับขึ้นตามด้วย  >:( >:(   2 มาตฐาน ชัด.  >:( >:( >:(


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: apiromninom ที่ 01 กันยายน 2011, 09:07:43

พีโบ้ ถอดถังแก๊ช แล้วเราก็เอาไปว่างหน้าทำเนียม หลายๆๆถัง แล้ว ก็ระเบิดแม่งมันเลย ดีปะ  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 01 กันยายน 2011, 09:09:34

พีโบ้ ถอดถังแก๊ช แล้วเราก็เอาไปว่างหน้าทำเนียม หลายๆๆถัง แล้ว ก็ระเบิดแม่งมันเลย ดีปะ  ;D ;D ;D
;) 


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: notesamit ที่ 01 กันยายน 2011, 09:11:08

จะเอาไงก็เอา จะขึ้นไม่ขึ้น สรุปในชัดๆไปเลย  ??? ??? ???
ถ้าขึ้น LPG ก็ควรลดน้ำมันลง และควรลงทุกๆประเภทน้ำมัน ไม่ใช่ลงแต่ตระกูล E   >:( >:( >:(


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: อี๊ดซ่าส์ ที่ 01 กันยายน 2011, 09:18:49

ขึ้นภาคอุตสาหกรรมแน่นอนค่ะแต่ภาคขนส่งคงไม่ขึ้นขนาดนี้แน่นอนค่ะ.... :-[


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 01 กันยายน 2011, 09:39:32

ขึ้นภาคอุตสาหกรรมแน่นอนค่ะแต่ภาคขนส่งคงไม่ขึ้นขนาดนี้แน่นอนค่ะ.... :-[
หนูอิ๊ดอยู่ บ.ติดตั้งLPG นิ    ถ้าขึ้นขนาดนั้นจริงๆ หนูอี๊ดงานงอกแน่ๆ   :'(


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 01 กันยายน 2011, 10:25:40

หุหุ เท่าที่รู้  LPG มันได้มาจากการกลั่นน้ำมันเบนซินต่างๆ พูดง่ายๆคือกลั่นน้ำมันดิบเป็นเบนซิน จะได้ LPG มาเป็นของแถม (แต่ก็ต้องใช้ขั้นตอนอีกนิดหน่อย)
ในมุมมองของผมLPG เนี่ย จะขาย กิโลล่ะ 1 บาทยังได้เลย เพราะมันได้มาพร้อมกับเบนซินอ่ะ


สรุป เมืองไทยเนี่ย อย่างแรกที่ต้องทำคือเปลี่ยน ระบบการศึกษาทั้งหมดก่อนเพราะ เสียงบางส่วนที่เลือกรัฐบาลนี้มาจาก นักศึกษาที่บอกว่าเลือกเพราะ เงินเดือน หมื่นกว่า สุดท้ายโดนหรอก แหม ก็ดันเชื่อเค้าซ่ะ ใครมันจะมีปัญญาจ้างทุกคนล่ะ ;D ;D ;D

ตัวผมเองไม่เคยลงคะแนนให้ใครเลย เพราะปัญหาใหญ่จริงๆอยู่ที่ระบบ ไม่ใช่ที่ตัวคน ต้องเลาะระบบก่อน :-X :-X :-X


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 01 กันยายน 2011, 17:07:56

หุ หุ เท่าที่รู้  LPG มันได้มาจากการกลั่นน้ำมันเบนซินต่างๆ พูดง่ายๆคือกลั่นน้ำมันดิบเป็นเบนซิน จะได้ LPG มาเป็นของแถม (แต่ก็ต้องใช้ขั้นตอนอีกนิดหน่อย)
ในมุมมองของผมLPG เนี่ย จะขาย กิโลล่ะ 1 บาทยังได้เลย เพราะมันได้มาพร้อมกับเบนซินอ่ะ


สรุป เมืองไทยเนี่ย อย่างแรกที่ต้องทำคือเปลี่ยน ระบบการศึกษาทั้งหมดก่อนเพราะ เสียงบางส่วนที่เลือกรัฐบาลนี้มาจาก นักศึกษาที่บอกว่าเลือกเพราะ เงินเดือน หมื่นกว่า สุดท้ายโดนหรอก แหม ก็ดันเชื่อเค้าซ่ะ ใครมันจะมีปัญญาจ้างทุกคนล่ะ ;D ;D ;D

ตัวผมเองไม่เคยลงคะแนนให้ใครเลย เพราะปัญหาใหญ่จริงๆอยู่ที่ระบบ ไม่ใช่ที่ตัวคน ต้องเลาะระบบก่อน :-X :-X :-X
ถูกเลยครับ   :-X


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bestroman ที่ 01 กันยายน 2011, 17:15:30

30 บาม     เปลี่ยนไปขับน้ำมันอย่างเดิมดีกว่า
 :( :( :( :(


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: putirun ที่ 01 กันยายน 2011, 17:30:13

ไม่ปลื้มกับนโยบายของรัฐบาลชุดนี้เลย :( :(


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer_ek97 ที่ 01 กันยายน 2011, 17:39:27

หุ หุ เท่าที่รู้  LPG มันได้มาจากการกลั่นน้ำมันเบนซินต่างๆ พูดง่ายๆคือกลั่นน้ำมันดิบเป็นเบนซิน จะได้ LPG มาเป็นของแถม (แต่ก็ต้องใช้ขั้นตอนอีกนิดหน่อย)
ในมุมมองของผมLPG เนี่ย จะขาย กิโลล่ะ 1 บาทยังได้เลย เพราะมันได้มาพร้อมกับเบนซินอ่ะ


สรุป เมืองไทยเนี่ย อย่างแรกที่ต้องทำคือเปลี่ยน ระบบการศึกษาทั้งหมดก่อนเพราะ เสียงบางส่วนที่เลือกรัฐบาลนี้มาจาก นักศึกษาที่บอกว่าเลือกเพราะ เงินเดือน หมื่นกว่า สุดท้ายโดนหรอก แหม ก็ดันเชื่อเค้าซ่ะ ใครมันจะมีปัญญาจ้างทุกคนล่ะ ;D ;D ;D

ตัวผมเองไม่เคยลงคะแนนให้ใครเลย เพราะปัญหาใหญ่จริงๆอยู่ที่ระบบ ไม่ใช่ที่ตัวคน ต้องเลาะระบบก่อน :-X :-X :-X

เยี่ยม...เลย ตาเงาะ   ลึกซึ้งมาก...


สมัยหน้าลงกำนันไม๊...เด๋วไปลงคะแนนให้  ;) ;) ;)


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 01 กันยายน 2011, 17:59:45

เยี่ยม...เลย ตาเงาะ   ลึกซึ้งมาก...


สมัยหน้าลงกำนันไม๊...เด๋วไปลงคะแนนให้  ;) ;) ;)
เอา จริงๆเลยนะครับ มีคนบอกผมหลายคนแล้วให้ไปลงสมัคร ซิ เดี๋ยวจะเลือกผมก็บอกว่า ระบบราชการแบบนี้ถึงเวลาไปทำจริงผมก็ทำอย่างที่พูดไม่ได้หรอก ระบบมันบีบให้ต้องทำ ;D ;D ;D
การเมืองเนี่ยผมปลงมานานล่ะ  น้องสาวผมที่เป็นครูราชการบอกว่าสอน ดีๆอ่ะสอนได้แต่ ทำได้ยาก เพราะกระทรวงมันบอกให้ทำๆๆๆแบบนี้  :-X :-X :-X


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 01 กันยายน 2011, 18:27:45

เอา จริงๆเลยนะครับ มีคนบอกผมหลายคนแล้วให้ไปลงสมัคร ซิ เดี๋ยวจะเลือกผมก็บอกว่า ระบบราชการแบบนี้ถึงเวลาไปทำจริงผมก็ทำอย่างที่พูดไม่ได้หรอก ระบบมันบีบให้ต้องทำ ;D ;D ;D
การเมืองเนี่ยผมปลงมานานล่ะ  น้องสาวผมที่เป็นครูราชการบอกว่าสอน ดีๆอ่ะสอนได้แต่ ทำได้ยาก เพราะกระทรวงมันบอกให้ทำๆๆๆแบบนี้  :-X :-X :-X
    ลงกำนัน ต้องไว้หนวดโง้ง ขับ โฟร์วีล นะ สนเหรอ ;) ;)
ไม่ปลื้มกับนโยบายของรัฐบาลชุดนี้เลย :( :(
    นโยบายมันก็คือผลประโยชน์ดีๆนั่นเอง อย่าไปใส่ใจมาก  :-[ :-[


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 01 กันยายน 2011, 19:16:45

 :-\


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: mart_za ที่ 01 กันยายน 2011, 19:53:34

 :( :( :(


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: taxman : ปทุมธานี ที่ 01 กันยายน 2011, 19:55:26

เห็นด้วยกะท่านเงาะ ทุกยุคสมัยข้าราชการทำงานภายใต้การกดดันของข้าราชการกาวเมือง ผมอยู่ตรงนั้นยอมรับว่าเครียดมาก จำใใจทำทั้งที่มันเปนนโยบายที่เราไม่เหนด้วย ช่วงนี้ใครไม่สนองนโยบายก็ย้ายทั้งกระบิ กรมผมก็เปนหนึ่งในนั้น คอยดูกันเถอะ


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: arrey ที่ 01 กันยายน 2011, 20:18:25

อืม . . . อย่าเพิ่งเหนื่อยใจกันไป ถ้ามันยังไม่ขึ้น

เราก็ร่อนกันต่อไป   :) :) :)


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 01 กันยายน 2011, 21:45:19

เห็น ด้วยกะท่านเงาะ ทุกยุคสมัยข้าราชการทำงานภายใต้การกดดันของข้าราชการกาวเมือง ผมอยู่ตรงนั้นยอมรับว่าเครียดมาก จำใใจทำทั้งที่มันเปนนโยบายที่เราไม่เหนด้วย ช่วงนี้ใครไม่สนองนโยบายก็ย้ายทั้งกระบิ กรมผมก็เปนหนึ่งในนั้น คอยดูกันเถอะ
เข้าใจครับผมข้าราชการดีๆก็มีเยอะแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ :'( :'( :'( :'( เป็น1ในเหตุผลที่ผมไท่ดิ้นรนหรือตกลง ไปหาทำงานราชการหลายๆอย่าง ทั้ง อบต คนมีสี หรือทำงานแถวๆลานพระบรมรูปทรงม้า มีโอกาศตั้งหลายทีแต่ขออยู่สบายๆแบบนี้ดีกว่า แม้สวัสดิการจะไม่ดีเท่าแต่สบายยยยยย
พี่โอมก็สู้ๆนะครับ  :-* :-* :-*


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 01 กันยายน 2011, 21:45:59

อืม . . . อย่าเพิ่งเหนื่อยใจกันไป ถ้ามันยังไม่ขึ้น

เราก็ร่อนกันต่อไป   :) :) :)
ขานี้ติดมายังไม่คุ้มทุนเลยมั้งเนี่ย ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 01 กันยายน 2011, 23:21:18

ขานี้ติดมายังไม่คุ้มทุนเลยมั้งเนี่ย ;D ;D ;D ;D
;D ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: apinont007 ที่ 02 กันยายน 2011, 01:30:18

งานนี้ตุ้กๆลุยก่อนครับ  8) 8)


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: arm_united ที่ 02 กันยายน 2011, 09:00:42

พีโบ้ ถอดถังแก๊ช แล้วเราก็เอาไปว่างหน้าทำเนียม หลายๆๆถัง แล้ว ก็ระเบิดแม่งมันเลย ดีปะ  ;D ;D ;D

บริจาคด้วย 1 ถัง  ??? ??? ???


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: masaru ที่ 02 กันยายน 2011, 09:44:39

เห็น ด้วยกะท่านเงาะ ทุกยุคสมัยข้าราชการทำงานภายใต้การกดดันของข้าราชการกาวเมือง ผมอยู่ตรงนั้นยอมรับว่าเครียดมาก จำใใจทำทั้งที่มันเปนนโยบายที่เราไม่เหนด้วย ช่วงนี้ใครไม่สนองนโยบายก็ย้ายทั้งกระบิ กรมผมก็เปนหนึ่งในนั้น คอยดูกันเถอะ

ยื่นใบลาออกไปเลย ออกมาทำสวนแถว ตจว ดีกว่า สนใจสร้างบ้านไม๊  ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: taxman : ปทุมธานี ที่ 02 กันยายน 2011, 11:18:20

ยื่นใบลาออกไปเลย ออกมาทำสวนแถว ตจว ดีกว่า สนใจสร้างบ้านไม๊  ;D

น่าสน ขอได้เป็น C8 (ชำนาญการพิเศษก่อน) จะย้ายไปตจว. จนเกษียณ   ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 02 กันยายน 2011, 12:03:46

น่าสน ขอได้เป็น C8 (ชำนาญการพิเศษก่อน) จะย้ายไปตจว. จนเกษียณ   ;D
:P ตำแหน่งเทพ 


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 02 กันยายน 2011, 12:06:01

:P ตำแหน่งเทพ 
เป็นทหารนี่ ระดับพันเอกเลยมั้ง ;D ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 02 กันยายน 2011, 12:11:21

เป็นทหารนี่ ระดับพันเอกเลยมั้ง ;D ;D
ในไฟฟ้าผมเห็นคนที่ได้ตำแหน่งนี้วันๆอยู่แต่ร้านอาหารเมาทั้งวัน 


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kapum ที่ 02 กันยายน 2011, 19:15:22

 >:( >:( ของที่ผลิตได้เองจะไปอิงตลาดโลกทำซากไรฟ่ะ 

ข้าวไม่ขึ้นไปโลล่ะ 200 บ้างล่ะ ตามตลาดโลกไง

เงินภาษีตู ทำงานแทบตาย ไปใช้หนี้ให้คนจน(ไม่จริง)

ทำไมไม่บอกให้พอเพียง มีน้อยใช้น้อย

เจือกเอาเงินไปแจก  ไปปล่อยเงินกู้ ไปลดดอกเบี้ยรถ เอาอะไรคิดกันนะ

เอาแทบเล็ตแจกเด็กปอ 1 เด็กตัวแค่นั้นรับผิดชอบไหวเหรอ 

ทำตก  ทำเสียขึ้นมา เดือดร้อนใครอีก 

แดรกกันเบาๆหน่อย สักวันชาติคงล่มจมกับระบบเงินคือพระเจ้า

ใครมีเงินคนนั้นดี   8) 8) 8) 8) ไว้อาลัยให้ประเทศไทย 


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: champ109 ที่ 02 กันยายน 2011, 19:41:33

งานนี้ตุ้กๆลุยก่อนครับ  8) 8)


ถูกต้องครับ พี่ที่ขับรถตุ๊กตุ๊ก คงจะลุยก่อนพวกเราแน่นอน ;D ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 02 กันยายน 2011, 21:55:35

>:( >:( ของที่ผลิตได้เองจะไปอิงตลาดโลกทำซากไรฟ่ะ 

ข้าวไม่ขึ้นไปโลล่ะ 200 บ้างล่ะ ตามตลาดโลกไง

เงินภาษีตู ทำงานแทบตาย ไปใช้หนี้ให้คนจน(ไม่จริง)

ทำไมไม่บอกให้พอเพียง มีน้อยใช้น้อย

เจือกเอาเงินไปแจก  ไปปล่อยเงินกู้ ไปลดดอกเบี้ยรถ เอาอะไรคิดกันนะ

เอาแทบเล็ตแจกเด็กปอ 1 เด็กตัวแค่นั้นรับผิดชอบไหวเหรอ 

ทำตก  ทำเสียขึ้นมา เดือดร้อนใครอีก 

แดรกกันเบาๆหน่อย สักวันชาติคงล่มจมกับระบบเงินคือพระเจ้า

ใครมีเงินคนนั้นดี   8) 8) 8) 8) ไว้อาลัยให้ประเทศไทย 
   ;D ;D ;D มาเต็ม 


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: taxman : ปทุมธานี ที่ 02 กันยายน 2011, 23:03:47

ในไฟฟ้าผมเห็นคนที่ได้ตำแหน่งนี้วันๆอยู่แต่ร้านอาหารเมาทั้งวัน 

ยกเว้นผมนะ ผมเก็บภาษีให้นักการเมืองมันถลุงเล่น Oops!!!!!


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: renton ที่ 02 กันยายน 2011, 23:04:42

สักวันไอ้พวกที่เลือกเข้าไป
คงจะสำนึกได้ ว่าไม่น่าเลย
ถ้า LPG ขึ้น เดี๋ยวพวกแท๊กซี่ก็โวยวายให้เองแหละครับ
ถ้าของแพงขึ้น แก๊สแพงขึ้น รถในกรุงเทพก็จะน้อยลง โดยเฉพาะรถแท๊กซี่
เงินเดือน จะเพิ่มมาทำไมครับ เงินเดือนเพิ่ม ค่าครองชีพก็เพิ่ม ผมขอเงินเดือนเท่าเดิม
แต่ของถูกลง ใช้ชีวิตง่ายขึ้น จะดีกว่ามั้ยรัฐบานนนนน ถ้า LPG แพงถึงขั้น 30 อัพแล้วหละก็
จะออกรถใหม่ 1 คัน 1 กำลังคน 2 แรงทีบ ขับเคลื่อนล้อหลัง แบ๊คแพ็ค 1 ใบ


 :-\ :-\ :-\


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 02 กันยายน 2011, 23:19:11

สักวันไอ้พวกที่เลือกเข้าไป
คงจะสำนึกได้ ว่าไม่น่าเลย
ถ้า LPG ขึ้น เดี๋ยวพวกแท๊กซี่ก็โวยวายให้เองแหละครับ
ถ้าของแพงขึ้น แก๊สแพงขึ้น รถในกรุงเทพก็จะน้อยลง โดยเฉพาะรถแท๊กซี่
เงินเดือน จะเพิ่มมาทำไมครับ เงินเดือนเพิ่ม ค่าครองชีพก็เพิ่ม ผมขอเงินเดือนเท่าเดิม
แต่ของถูกลง ใช้ชีวิตง่ายขึ้น จะดีกว่ามั้ยรัฐบานนนนน ถ้า LPG แพงถึงขั้น 30 อัพแล้วหละก็
จะออกรถใหม่ 1 คัน 1 กำลังคน 2 แรงทีบ ขับเคลื่อนล้อหลัง แบ๊คแพ็ค 1 ใบ


 :-\ :-\ :-\
:-*


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: champ109 ที่ 03 กันยายน 2011, 01:24:45

สักวันไอ้พวกที่เลือกเข้าไป
คงจะสำนึกได้ ว่าไม่น่าเลย
ถ้า LPG ขึ้น เดี๋ยวพวกแท๊กซี่ก็โวยวายให้เองแหละครับ
ถ้าของแพงขึ้น แก๊สแพงขึ้น รถในกรุงเทพก็จะน้อยลง โดยเฉพาะรถแท๊กซี่
เงินเดือน จะเพิ่มมาทำไมครับ เงินเดือนเพิ่ม ค่าครองชีพก็เพิ่ม ผมขอเงินเดือนเท่าเดิม
แต่ของถูกลง ใช้ชีวิตง่ายขึ้น จะดีกว่ามั้ยรัฐบานนนนน ถ้า LPG แพงถึงขั้น 30 อัพแล้วหละก็
จะออกรถใหม่ 1 คัน 1 กำลังคน 2 แรงทีบ ขับเคลื่อนล้อหลัง แบ๊คแพ็ค 1 ใบ


 :-\ :-\ :-\

คนนี้มาเต็มกว่า ;D ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: notesamit ที่ 03 กันยายน 2011, 08:43:26

>:( >:( ของที่ผลิตได้เองจะไปอิงตลาดโลกทำซากไรฟ่ะ 

ข้าวไม่ขึ้นไปโลล่ะ 200 บ้างล่ะ ตามตลาดโลกไง

เงินภาษีตู ทำงานแทบตาย ไปใช้หนี้ให้คนจน(ไม่จริง)

ทำไมไม่บอกให้พอเพียง มีน้อยใช้น้อย

เจือกเอาเงินไปแจก  ไปปล่อยเงินกู้ ไปลดดอกเบี้ยรถ เอาอะไรคิดกันนะ

เอาแทบเล็ตแจกเด็กปอ 1 เด็กตัวแค่นั้นรับผิดชอบไหวเหรอ 

ทำตก  ทำเสียขึ้นมา เดือดร้อนใครอีก 

แดรกกันเบาๆหน่อย สักวันชาติคงล่มจมกับระบบเงินคือพระเจ้า

ใครมีเงินคนนั้นดี   8) 8) 8) 8) ไว้อาลัยให้ประเทศไทย 

สักวันไอ้พวกที่เลือกเข้าไป
คงจะสำนึกได้ ว่าไม่น่าเลย
ถ้า LPG ขึ้น เดี๋ยวพวกแท๊กซี่ก็โวยวายให้เองแหละครับ
ถ้าของแพงขึ้น แก๊สแพงขึ้น รถในกรุงเทพก็จะน้อยลง โดยเฉพาะรถแท๊กซี่
เงินเดือน จะเพิ่มมาทำไมครับ เงินเดือนเพิ่ม ค่าครองชีพก็เพิ่ม ผมขอเงินเดือนเท่าเดิม
แต่ของถูกลง ใช้ชีวิตง่ายขึ้น จะดีกว่ามั้ยรัฐบานนนนน ถ้า LPG แพงถึงขั้น 30 อัพแล้วหละก็
จะออกรถใหม่ 1 คัน 1 กำลังคน 2 แรงทีบ ขับเคลื่อนล้อหลัง แบ๊คแพ็ค 1 ใบ


 :-\ :-\ :-\

โอ้ววว...มาเต็ม  :-* :-* :-*


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jam-maew ที่ 05 กันยายน 2011, 09:35:58

แล้วๆๆๆๆๆๆ พี่โบ  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: neang ที่ 08 ตุลาคม 2011, 11:43:13

จัดเต็มกันทุกคน  ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nakarin ที่ 09 ตุลาคม 2011, 22:42:47

แรง แรง ทั้งนั้น
กระทู้เดือด
 :-[ :-[ :-[


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nookirpc ที่ 13 ตุลาคม 2011, 11:52:26

1 กิโลแก๊สเท่ากับ 1.8 ลิตร  ปัจจุบันปั๊มแก๊สขายเป็นลิตรๆละประมาณ 11-12 บาท จากราคาที่ตรึงไว้ที่18 บาทกว่าๆ  ถ้าแก๊สมันขึ้นไป 30 บาท/kg.  ถ้าเอา 30/1.8 = 16.66 บาท/ลิตร และบวกค่าโน่น นี่ นั่นอีกนิดหน่อย ผมว่ายังงัยก็ไม่น่าเกิน 20 บาท/ลิตรครับ ขับงัยก็ยังถูกกว่าน้ำมันครับ  ไอ้ที่รัฐบาลเขาว่าประเทศเราจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนนั้น ผมอยากถามว่าเราจะไปแบกภาระค่า lpg ที่ถูกกว่าชาวประเทศเพื่อนบ้านแบบไหน?  อ้าวถ้างั้นเราก็นำเข้าน้ำมันที่ถูกกว่าในมาเลเซียมาขายได้สิ ใช่มะ แล้วแบบนี้ใครจุก ถ้าไม่ใช่ ป..


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 13 ตุลาคม 2011, 20:23:36

    ส่วนตัวคิดว่า
ไม่มีปัญญาเติมน้ำมันหรือแก๊ส ก็เผา ( รถ ) ม่างเลย
    จะซื้อมาทำไมรกบ้าน ;D ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: NeW DohC VteC ที่ 13 ตุลาคม 2011, 20:56:40

ผมเติมน้ำมันตลอดชีวิต


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 13 ตุลาคม 2011, 21:05:23

    ส่วนตัวคิดว่า
ไม่มีปัญญาเติมน้ำมันหรือแก๊ส ก็เผา ( รถ ) ม่างเลย
    จะซื้อมาทำไมรกบ้าน ;D ;D
;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Princess28 ที่ 15 ตุลาคม 2011, 14:08:36


สรุปว่ามันจะขึ้นมั้ย??? ขึ้นเมื่อไหร่?? จะได้เตรียมตัวไว้  ::) ::)


หัวข้อ: Re: บรรดาเซียน LPG เตรียมทำใจ
เริ่มหัวข้อโดย: worawit charoenkan ที่ 15 ตุลาคม 2011, 14:14:09

 >:( ปตท.....พลังไทยเพื่อใคร ;D

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การเมือง ศาลปค.รับพิจารณาคดีเพิกถอนกระจายหุ้นปตท.

ศาลปกครองรับพิจารณาคดีกลุ่มพันธมิตรฯ ฟ้องเพิกถอนการกระจายหุ้น ปตท. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลปกครองกลางมีคำสั่งรับฟ้องกรณีกระจายหุ้น บมจ.ปตท.(PTT) ให้เอกชนโดยมิชอบ ซึ่งมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินกับพวกรวม 6 คน ได้ยื่นฟ้อง ปตท.และกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้เพิกถอนใบหุ้นและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วย กฎหมาย
พร้อมทั้งขอให้สั่งริบหุ้นในโรงกลั่นน้ำมันจำนวน 4 โรงที่ ปตท.ถือครองตกเป็นของแผ่นดิน และขอให้สั่งกระทรวงการคลังดำเนินการทวงคืนสาธารณะสมบัติอันได้มาจากอำนาจ ตามกฎหมายมหาชน คือ โรงกลั่น ท่อส่งก๊าซ และอุปกรณ์ ส่วนที่ยังไม่ได้คืนทั้งบนบกและในทะเล รวมทั้งเงินค่าใช้บริการท่อส่งก๊าซ และดอกผลอันเกิดจากการใช้ท่อส่งก๊าซทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดิน
ทั้งนี้ ศาลปกครองได้ส่งหมายแจ้งคำสั่งศาลดังกล่าวถึงทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย โดยระบุว่ารับคำฟ้องไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.54
"ศาลมีคำสั่งรับฟ้องตั้งแต่วันที่ 7(ต.ค.54) แต่เพิ่งส่งคำสั่งมาให้วันนี้" นายสุวัตร  กล่าว
นายสุวัตร กล่าวว่า กระบวนการหลังจากนี้ทางศาลจะส่งสำเนาคำฟ้องให้ ปตท.และกระทรวงการคลัง เพื่อทำคำให้การยื่นให้ศาลภายใน 30 วัน เมื่อยื่นให้ศาลและส่งสำเนามาจากผู้ถูกฟ้องมาให้แล้วทางฝ่ายผู้ฟ้องก็จะทำคำ แก้คำให้เพื่อยื่นต่อศาลภายใน 30 วัน หลังจากนั้น ปตท.และกระทรวงการคลัง ยังมีโอกาสแก้คำให้การได้อีก จากนั้นศาลจะพิจารณาอีกครั้งว่าเอกสารที่ทั้งสองฝ่ายยื่นมาครบถ้วนหรือไม่ หากยังไม่ครบถ้วนก็ต้องดำเนินการไต่สวนพยานเพิ่มเติม

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เกิดอะไรขึ้นที่ ปตท. น้ำมันและแก๊สไปไหน

 
' พันตรี ' สุดทนแฉปตท.สูญเกือบ 4 ล้านล้าน  

' พ.ต.รัฐเศรษฐ'ขึ้นเวทีพันธมิตรฯแฉ'ระบอบทักษิณ'รวมหัวงาบกำไรแก๊ส-น้ำมันจากการแปรรูป ปตท.ชาติสูญเสีย 7 ปีร่วม 3.5 ล้านล้านบาท ปูดขนน้ำมันดิบไทยส่งสิงคโปร์-อเมริกาตั้งราคาฟันส่วนตั้งกว่า 100% ปลุกทวงคืนเป็นของประชาชน   
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : วานนี้ ( 28 มิ.ย.) พ.ต.รัฐเศรษฐ แจ้งจำรัส ซึ่งทำงานในแท่นขุดเจาะน้ำมัน ได้ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ระบุถึงกรณีการปิโตเลียมถูกระบอบทักษิณฉ้อฉล เราจึงไปตรวจสอบแล้วพบว่า ปัญหาใหญ่เกิดจากการขึ้นราคาน้ำมัน และราคาแก๊สแพงกว่าปกติ รวมทั้งรถเมล์ขึ้นค่าโดยสารก็ขึ้นราคา อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว  

' เดิมทีปั๊มมีอยู่ทั่วประเทศกว่า 3 หมื่นแห่ง ขณะนี้เจ๊งไปเกือบหมดแล้ว เพราะเดิมทีเขาขายน้ำมัน 7 บาท เขาได้กำไร 2.30 บาท แต่ตอนหลังเข้ายึดครองการตลาด ก็จะเห็นเพียงแต่ปั๊มใหม่ๆ ซึ่งมีทั้งปั๊มบางจาก ปั๊มเจ็ท และปั๊ม ปตท.เท่านั้น ที่กระจายกันอยู่ทั่วประเทศ'   
พ.ต.รัฐเศรษฐ กล่าวอีกว่า ผู้ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการปล้นน้ำมัน ได้แก่ รถสิบล้อ รถปิกอัพ รวมไปถึงควายเหล็กของชาวบ้าน นอกจากนี้ สิ่งที่ไม่มีใครหรือสื่อมวลชนนำมาตีแผ่ให้ประชาชนรับรู้ คือหลักในการคำนวณน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งสามารถคำนวณได้ดังนี้  

1 บาร์เรล เท่ากับ 159 ลิตร โดย 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 33 บาท ซึ่งถ้าคำนวณเป็นเงินแล้ว 1 ลิตร จะเท่ากับ 27.78 บาท แต่วันนี้บ้านเราขายน้ำมันดีเซลลิตรละ 42 บาท ถือว่าแพงผิดปกติ แพงที่สุดในโลก เพราะเมื่อคำนวณกลับไปแล้วจะเท่ากับว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 202 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้ง ๆ ที่ราคาน้ำมันในประเทศสหรัฐอเมริกาเพียง 138 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล   
ทั้งนี้ ในภูมิภาคของเรามีทรัพยากรพลังงานธรรมชาติมากมายมหาศาล แต่กลับต้องใช้น้ำมันราคาแพงกว่าประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งเกิดจากจากการแปรรูป ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่ง ปตท.มีกำลังการผลิตน้ำมันวันละ 100 ล้านลิตร คำนวณเป็นเงินแล้วเฉลี่ยตกวันละ2,500 ล้านบาท ซึ่งไม่มีใครเคยบอกเรา มีแต่บอกว่านำเข้านำมันจากต่างประเทศ ดังนั้น เราจะต้องกอบกู้เอาพลังงานปิโตเลียม และน้ำมัน กลับมาเป็นของประชาชนโดยตรง   
พ.ต.รัฐเศรษฐ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญคือ แหล่งน้ำมันดิบ และแก๊สธรรมชาติไม่ถูกเปิดเผยข้อเท็จจริง วันนี้เราผลิตแก๊สธรรมชาติได้วันละ 5,000ล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งคำนวณแล้วไทยสามารถผลิตได้เฉลี่ย 138 ล้านลิตรต่อวัน แต่กลับอ้างว่าต้องนำเข้า จนเป็นเงื่อนไขขอขึ้นราคา ขอลอยตัวราคาแก๊ส อย่างนี้ไม่ยุติธรรมกับประชาชน อีกทั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย และบนบก ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1,300 แท่น มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 1 ล้านล้านบาท แต่เมื่อระบอบทักษิณเอาไปแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ขายเพียง 3 หมื่นล้านบาท ถูกจองเกลี้ยงภายในเวลา 1 นาทีเศษเท่านั้น  

' ผมแทบน้ำตาไหล เพราะผมทำงานอยู่ที่แท่นขุดเจาะน้ำมัน แต่น้ำมันดิบที่นำขึ้นมาเขาเอาใส่เรือวิ่งไปทางสิงคโปร์ และออกไปทางจีน ญี่ปุ่น และอเมริกา ไม่ยอมเข้าระบบกลไกภาษีของเรา เพราะที่โน้นมีเท่าไหร่เขารับซื้อไม่อั้น นอกจากนี้ แม้แต่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เขาก็เอาไปไว้ที่อาคารชินวัตรชั้น 26 ที่สำคัญหลังจากแปรรูป ปตท.แม้ รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ 52 เปอร์เซ็นต์ แต่กลับได้ผลตอบแทนน้อยมากเพียง 3 หมื่นล้านบาท และภาษีน้ำมันรวมผลิตภัณฑ์ทุกอย่างเก็บได้แค่ 7.7 หมื่นล้านบาทต่อปี ทั้งที่ ปตท.บอกว่าภาษีน้ำมันประมาณ 13 บาท ส่งให้หลวงหมด ซึ่ง 1ปีจะตกอยู่ที่ประมาณ 6-7 แสนล้านบาท เท่ากับเงินหายไป 5-6 แสนล้านบาทต่อปี รวมทั้งสิ้นเมื่อ ปตท.แปรรูปรวม 7 ปีเงินหายไป 3.5 ล้านล้านบาท'   
พ.ต.รัฐเศรษฐ กล่าวอีกว่า ดังนั้นถ้ามีการยึดทรัพย์ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะจ่ายคืนให้กับเราวันละประมาณ 1,500 ล้านบาทที่เราถูกโกงไปหรือไม่ ซึ่งเราไม่เคยได้รับรู้รับทราบ เพราะไม่เคยมีใครเปิดเผยข้อมูล ทั้งนี้ตนพร้อมที่จะรับผิดชอบคำพูดและข้อมูลตัวเลขแผนที่สำรวจแหล่งพลังงานในประเทศไทย เพราะข้อมูลทั้งหมดเป็นของทางราชการทั้งสิ้น  

จาก thai energy

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

จากราคาน้ำมันดิบ สู่ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยม


อาจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม

คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย



ใน บทที่แล้ว ผมได้อธิบายให้คุณผู้อ่านได้ทราบแล้วว่าราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายกันในตลาด โลกที่สำคัญๆ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงปรับตัวขึ้นลงได้เพราะสาเหตุใดบ้าง แต่การที่เรารู้คร่าวๆ ว่าราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับประมาณ 70 ดอลลาร์ สหรัฐต่อบาร์เรล เท่านี้คงไม่พอ เพราะที่เราอยากรู้จริงๆ จากข้อมูลที่มีการรายงานในข่าว ในหน้าหนังสือพิมพ์ที่เราอ่านกันทุกวันคือ แล้วราคาน้ำมันเบนซิน ราคาน้ำมันดีเซลมันราคาอยู่ที่เท่าไรล่ะ แล้วถ้าราคาน้ำมันดิบมันเปลี่ยนไป สมมติราคาน้ำมันดิบมันปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แล้วราคาน้ำมันที่เราใช้เติมรถยนต์มันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากน้อยซักแค่ไหนกัน
คู่มือการอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจ ตอนที่ 8
จากราคาน้ำมันดิบ สู่ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยม
ใน บทที่แล้ว ผมได้อธิบายให้คุณผู้อ่านได้ทราบแล้วว่าราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายกันในตลาด โลกที่สำคัญๆ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงปรับตัวขึ้นลงได้เพราะสาเหตุใดบ้าง แต่การที่เรารู้คร่าวๆ ว่าราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับประมาณ 70 ดอลลาร์ สหรัฐต่อบาร์เรล เท่านี้คงไม่พอ เพราะที่เราอยากรู้จริงๆ จากข้อมูลที่มีการรายงานในข่าว ในหน้าหนังสือพิมพ์ที่เราอ่านกันทุกวันคือ แล้วราคาน้ำมันเบนซิน ราคาน้ำมันดีเซลมันราคาอยู่ที่เท่าไรล่ะ แล้วถ้าราคาน้ำมันดิบมันเปลี่ยนไป สมมติราคาน้ำมันดิบมันปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แล้วราคาน้ำมันที่เราใช้เติมรถยนต์มันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากน้อยซักแค่ไหนกัน
จากคำถามที่ผมถามค้างไว้ในบทที่แล้วนั่นคือ น้ำมันดิบ 1บาร์เรล มันมากน้อยขนาดไหนล่ะ ผมเคยทดลองถามนิสิตหลายๆ คนที่ผมสอนอยู่ ก็ได้รับคำตอบที่น่าสนจากครับ นิสิตบางคนบอกว่า 1บาร์เรลมีปริมาตรเท่ากับ 1 ลิตร (อันนี้น่าจะผิดนะครับ น้ำมันเบนซินที่เราใช้เติมรถยนต์ยังแค่ราวๆ 40 บาท/ลิตร ถ้าน้ำมันดิบ1 บาร์เรลเท่ากับ1 ลิตร แล้วบาร์เรลนึงราคาตั้ง 70 ดอลลาร์เราคงต้องใช้น้ำมันแพงกว่านี้อีกหลายๆ เท่าครับ) บางคนบอกว่าปริมาตรเท่ากับปริมาณน้ำมันดิบที่เรือบรรทุกน้ำมัน 1 ลำสามารถขนได้ (อันนี้ก็ผิดแน่นอนครับ ราคาแค่70 ดอลลาร์/บาร์เรล จะได้น้ำมันดิบเท่าเรือบรรทุกน้ำมัน แบบนั้นเราคงไม่บ่นว่าน้ำมันแพงแน่นอน) ในขณะที่บางคนก็บอกว่าเท่ากับถังน้ำมันใหญ่ๆ ที่เป็นเหล็กที่เราเห็นกันในหนัง นั่นก็เป็นคำตอบที่ถูกครับ แต่พอถามต่อว่าแล้วไอ้ถึงแบบนั้นมันบรรจุน้ำมันเท่ากับกี่ลิตร บางคนบอกว่า ถังนั้นบรรจุ 250 ลิตร (หลายๆ คนชอบเรียกถัง 250 ลิตร) บางคนบอกว่า 100 ลิตร บางคนบอกแค่ 10 ลิตร
แต่จริงๆ แล้วน้ำมันดิบ 1 บาร์เรลมีความจุเท่ากับ 158.9873 ลิตร หรือ เท่ากับ 42 US Gallons หรือเท่ากับ  34.9723Imperial Gallons (UK) ครับ นั่นก็หมายความ ณ ปัจจุบัน (วันที่20 สิงหาคม 2552) น้ำมันดิบ Light Sweet Crude Oil จากแหล่งBrent ทะเลเหนือซื้อขายที่ราคา 72.21 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกลับมาเป็นน้ำมันดิบ 1 ลิตรก็จะมีราคาเพียงแค่ 0.4541ดอลลาร์/ลิตร หรือเท่ากับประมาณ 15 บาท/ลิตรเท่านั้นเองครับ แล้วทำไมราคาน้ำมันเบนซินที่เราใช้เติมรถยนต์มันอยู่ที่ประมาณ 40 บาท/ลิตร ล่ะ คำตอบก็คือ เราคงไม่สามารถเอาน้ำมันดิบมาเติมรถยนต์ได้ครับ สิ่งที่เราใช้เติมรถยนต์คือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยมประเภทหนึ่งที่เราได้จาก น้ำมันดิบครับ เราเรียกมันว่า น้ำมันเบนซิน ออคเทน 95
อย่าง ที่ผมได้เคยเล่าให้ฟังในบทที่ผ่านๆ มาว่าน้ำมันดิบเป็นสารประกอบหลายๆ ชนิดที่เราขุดขึ้นมาได้จากพื้นดินและใต้ทะเล ดังนั้นเราต้องทราบก่อนว่าเมื่อเราขุดน้ำมันดิบขึ้นมาแล้วเราต้องเอาไปทำ อะไรบ้าง เราต้องเอาไปกลั่นครับ เมื่อเข้าหอกลั่น (ปล่องสูงๆ เวลาเรามองเห็นโรงกลั่นน้ำมันนั่นแหล่ะครับ) เราก็จะกลั่นน้ำมันดิบแล้วก็ได้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยมออกมาหลายๆ ชนิดครับ
ที่มา: www.howstuffworks.com
จริงๆ แล้วการกลั่นน้ำมันเป็นเทคโนโลยีที่มนุษย์เราทำกันมานานแสนนานแล้วครับ เพราะมันคือการเอาน้ำมันดิบที่ได้มาต้มครับ เมื่อต้มแล้ว สารประกอบตัวไหนที่อยู่ในน้ำมันดิบที่มีจุดเดือดต่ำ ก็จะเดือดกลายเป็นไอขึ้นมาก่อนครับ โดยของชนิดแรกที่จะระเหนขึ้นมาก่อนเพื่อก็คือ ก๊าซธรรมชาติครับ แน่นอนชุดแรกคือก๊าซธรรมชาตินี้ก็จะลอยขึ้นไปถึงส่วนบนสูงสุดของหอกลั่นแล้ว ครับ เราก็เอามาเก็บไว้แล้วเอาไปขายต่อไปเป็นก๊าซ LPG (Liquefied Petroleum Gas) ครับ
หลังจากนั้นถ้าเราต้มต่อไปเรื่อยๆ สิ่งที่ระเหยต่อลงมาเป็นชุดที่ 2นั่น ก็คือน้ำมันเบนซินที่ตอนนี้ระเหยเป็นไอครับ และเนื่องจากมันมีความหนาแน่น (มีความหนัก) มากกว่าก๊าซธรรมชาติดังนั้นมันก็จะระเหยขึ้นไปไม่สูงเท่ากับก๊าซธรรมชาติ เราก็จะเอาถาดไปรองไว้ที่หอกลั่นชั้นที่สูงรองลงมาครับ เมื่อไอพวกนี้กระทบความเย็นมันก็จะเกิดการควบแน่น(Condense) แปรสภาพกลับเป็นของเหลว ซึ่งของเหลวที่ได้นี้คือน้ำมันเบนซิน (Gasoline หรือ Petrol) ครับ แน่นอนครับวิทยาการที่ก้าวหน้ามากขึ้นก็ทำให้เราควบคุมการเดือด การระเหย และการควบแน่นได้ดีขึ้น และได้น้ำมันเบนซินที่บริสุทธิ์ขึ้นครับ
ถ้าเราต้มน้ำมันดิบต่อๆ ไปอีก ไอระเหยที่จะลอยขึ้นมาเป็นลำดับที่ 3 และเมื่อควบแน่นเราก็จะได้ น้ำมันเครื่องบิน (Jet Fuel) หรือน้ำมันก๊าด ส่วนชั้นที่อยู่ต่ำลงมาเป็นชั้นที่ เราก็ได้น้ำมันดีเซล(Petrodiesel) ครับ ในขณะที่ชั้นรองๆ ลงมาเราก็จะได้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยมที่มีจุดเดือนสูงขึ้นๆ หรือมีความหนาแน่น (ความข้น ความหนัก) เพื่อมากขึ้นๆ ครับ โดยเราจะได้ น้ำมันหล่อลื่น ไขพาราฟีน น้ำมันเตาในชั้นล่างๆ ลงมาครับ ส่วนกากของน้ำมันดิบที่ไม่เดือดและค้างอยู่ที่ชั้นล่างสุดของหอกลั่นก็คือ ยางมาตอยครับ (Asphalt หรือTar)
โดยเราพบว่าน้ำมันดิบ 1 บาร์เรลหรือ158.9873 ลิตรจะสามารถกลั่นได้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยมในปริมาณดังต่อไปนี้ครับ
  น้ำมันเบนซิน 46% หรือเทียบเท่ากับ 73.13416 ลิตร
  น้ำมันดีเซล 22% หรือเทียบเท่ากับ 34.97721 ลิตร
  น้ำมันเครื่องบิน 10% หรือเทียบเท่ากับ 15.89873 ลิตร
  น้ำมันเตา 5.5% หรือเทียบเท่ากับ 8.744302 ลิตร
  น้ำมันหล่อลื่นพาราฟิน, ยางมาตอย รวมกันเท่ากับ 16.5% หรือเทียบเท่ากับ 26.2329 ลิตร
จากข้อมูลนี้ทำให้เราทราบครับว่า น้ำมันดิบ 1 บาร์เรลกลั่นออกมาเป็นน้ำมันดีเซลได้น้อยกว่าน้ำมันเบนซินครับ ดังนั้น ถ้าราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 1 ดอลลาร์ และเราสมมติอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 34.080 บาท/ดอลลาร์ และเนื่องจากในน้ำมันดิบ 1 บาร์เรล = 158.9873 ลิตร เราสามารถกลั่นเป็นน้ำมันเบนซินได้ 73.134 ลิตร เป็นน้ำมันดีเซล 33.877 ลิตร และก็จะทำให้น้ำมันเบนซิน 1 ลิตรมีราคาต้นทุนเพิ่มขึ้น = 21.435 สตางค์ และน้ำมันดีเซลจะมีราคาเพิ่มขึ้น 22.132 สตางค์ โดยสูตรการคำนวณก็คือ ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยมที่เปลี่ยนไป (บาท)
= ราคาน้ำมันดิบที่เปลี่ยนไป (ดอลลาร์/บาร์เรล) x อัตราแลกเปลี่ยน (บาท/ดอลลาร์) x เปอร์เซนต์ของผลผลิตที่เราสนใจ แล้วหารด้วยจำนวนลิตรของผลิตภัณฑ์นั้นๆ
เพราะ ฉะนั้น ถ้าคราวต่อๆ ไปเราอ่านหนังสือพิมพ์หรือฟังรายงานข่าวว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเท่า นั้นเท่านี้ เราก็จะสามารถคำนวณได้แล้วว่า แล้วราคาน้ำมันที่ขายปลีกที่สถานีบริการจะปรับขึ้นอย่างต่ำเท่ากับเท่าไหร่ ในอีก 2-3 วันข้างหน้า ที่ต้องรอ 2 - วัน เพราะส่วนใหญ่แล้วเราต้องนำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันที่กลั่นแล้วจากต่าง ประเทศดังนั้นจึงต้องรอเวลาในการชำระเงินและส่งมอบอีกด้วย โดยราคาขายปลีกจะเพิ่มมากกว่า เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงในค่าการกลั่นและค่าการตลาดที่เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมอีกด้วย
และ จากการที่เราทราบอัตราส่วนของผลผลิตปิโตรเลี่ยมที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ นี้ เราก็สามารถคำนวณคร่าวๆ ได้ด้วยว่า ราคาน้ำมันเบนซินที่เป็นราคาเนื้อน้ำมันจริงๆ จะมีราคาลิตรละกี่บาท ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันดิบบาร์เรลละ 72.21 ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 34.080 บาท/ดอลลาร์ ดังนั้นราคาของน้ำมันเบนซินในส่วนที่เป็นเนื้อน้ำมันดิบจริงๆ จะมีราคาเท่ากับ 15.4787 บาท/ลิตรเท่านั้นครับ แล้วยังงั้นที่เราต้องเติมน้ำมันเบนซินกันลิตร 40 กว่าบาทมันมาได้อย่างไร... ขอยกยอดไว้เล่าให้ฟังในบทต่อไปครับ

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง