| 
| 
| 
| คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |  
 |  |  |  | 
 | 
 | รัฐเตรียม
เปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 เน้นพื้นที่ภาคอีสาน  
แย้มมีปริมาณก๊าซธรรมชาติสูงถึง 5-10 ล้านล้าน ลบ.ฟุต คิดเป็น 1 ใน 3  
ของปริมาณในอ่าวไทย ชั้นความหนา 1-2 กม. และมีโครงสร้างที่ใหญ่มาก  
กินพื้นที่กว่า 1 แสนตาราง กม. ยันศักภาพรองรับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่  
หรือผลิตก๊าซเอ็นจีวีป้อนได้ทั้งอีสาน คาดใหญ่กว่าซาอุฯ 
 นายทรงภพ พลจันทร์ รักษาการอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ  
เปิดเผยถึงแนวทางการหาแหล่งพลังงานใหม่ภายในประเทศ  
โดยระบุว่าขณะนี้ไทยมีความพร้อมในการเปิดสัมปทานสำรวจ  
และขุดเจาะปิโตรเลียมรอบใหม่รอบที่ 21 แล้ว  
โดยรอเพียงการตัดสินใจของรัฐบาลว่า จะตัดสินใจดำเนินการช่วงไหน
 
 รักษาการอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ยอมรับว่า  
ปัจจุบันแปลงปิโตรเลียมที่มีศักยภาพเหลืออยู่ทั่วประเทศมีประมาณ 30 แปลง  
โดยจะเปิดให้ผู้สนใจยื่นประมูลคราวละ 5 แปลง  
ซึ่งต่างจากครั้งที่ผ่านมาเปิดให้ขอสัมปทานทั้งปีในทั่วประเทศ  
และพบปัญหาหลายด้าน เช่น การถอนตัวเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกต่ำลง
 
 สำหรับพื้นที่มีศักภาพเปิดสัมปทานในรอบที่ 21 คือ  
พื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  
โดยมีแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพสูงกว่าแหล่งสัมปทานในอ่าวไทย  
หรือในภาคกลาง ที่เปิดสัมปทานไปจนเต็มพื้นที่เกือบหมดแล้ว  
ซึ่งการให้ความสำคัญกับการสำรวจปิโตรเลียมในภาคอีสานมาก  
เพราะการเปิดสัมปทานในรอบที่ 19 และ 20 เมื่อปี 2548  
บริษัทที่ขอสัปทานสำรวจพบก๊าซในภาคอีสานเพิ่มมากขึ้น  
ซึ่งหากพบก๊าซในปริมาณที่มากพอจะสามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เพิ่มเติม  
หรือนำมาผลิตเป็นก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี)  
ขายให้ประชาชนในแถบอีสานได้
 
 นอกจากนี้  
การประเมินทางธรณีวิทยาพบว่าในภาคอีสานน่าจะมีปริมาณก๊าซธรรมชาติถึง 5-10  
ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต (ลบ.ฟุต) หรือคิดเป็น1 ใน 3 ของปริมาณในอ่าวไทย  
ซึ่งมีปริมาณสำรองที่พบแล้ว 30 ล้านล้าน ลบ.ฟุต โดยไทยต้องเร่งจัดหาก๊าซ  
เพราะปัจจุบันเหลือใช้ไม่เกิน 30 ปีข้างหน้า  
โดยในอ่าวไทยเหลือก๊าซอยู่เพียง 23-24 ล้านล้าน ลบ.ฟุต เท่านั้น  
มีการนำขึ้นมาใช้ปีละ 1 ล้านล้าน ลบ.ฟุต  
ขณะที่ปริมาณก๊าซที่ขุดพบในภาคอีสาน เช่น ในแหล่งน้ำพองจะหมดในอีก 4-5 ปี  
แหล่งภูฮ่อมมีสำรองเหลืออยู่อีก 100 ล้าน ลบ.ฟุต  
โดยบริษัทที่รับสัปทานอยู่ระหว่างการสำรวจอย่างละเอียดเพื่อหาก๊าซในแถบน้ำ 
พองเพิ่ม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน
 
 อย่างไรก็ตาม  
เนื่องจากภาคอีสานมีหินต้นกำเนิดเป็นหินปูนที่ให้ก๊าซมากกว่าน้ำมัน  
ซึ่งมีอายุถึง 250 ล้านปี เป็นหินที่แข็งและหนามากประมาณ 1-2 กิโลเมตร  
และมีโครงสร้างที่ใหญ่มากมีพื้นที่กว่า 1 แสนตารางกิโลเมตร  
จึงต้องพิจาณาว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อหารอยแตกของหินให้เจอเพื่อนำเอา 
ก๊าซมาใช้ในอนาคต
 
 “ผมบอกได้คำเดียวว่า ถ้าเราเจอก๊าซในทุกโครงสร้างของภาคอีสาน  
ผมว่าไทยจะใหญ่กว่าประเทศซาอุดิอาระเบียเสียอีก  
แต่ที่ผ่านมาโอกาสเจอก๊าซในภาคอีสานอยู่ที่ 20%  
เมื่อเทียบกับอ่าวไทยเจอในระดับ 50-60%  
และบางโครงสร้างที่ขุดเจาะสำรวจต้องใช้เวลากว่า 20 ปีถึงจะเจอหลุมก๊าซฯ”  
นายทรงภพกล่าวสรุป
 
 |  |  | 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น