บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

แหล่งพลังงานในอ่าวไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ระหัตร โรจนประดิษฐ์



แหล่งพลังงานในอ่าวไทย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ระหัตร โรจนประดิษฐ์
 


  มีการวิเคราะห์ว่าแหล่งพลังงานหลักของโลก โดยเฉพาะแหล่งน้ำมันตะวันออก กลางจะหมดไปในระยะเวลา 30-50 ปีเท่านั้น นับว่าเวลาสั้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับกระบวน การธรรมชาติที่ก่อร่างสร้างตัวให้เกิดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติซึ่งเกิดจากการใช้พลังงานอย่าง
มากมายในปัจจุบันข้อมูลนี้เป็นที่ทราบดีกันทั่วไปเหมือนกับกรณีภาวะโลกร้อนที่เป็นผลกระ
ทบอีกด้านหนึ่งของการเผาผลาญทำลายทรัพยากรพลังงานธรรมชาตินี้
            
ประเทศตะวันออกกลางดำเนินการปรับราคาและกระบวนการผลิตน้ำมัน ให้เกิด กำไรสูงสุดก่อนที่รายได้ของพวกเขาจะหมดไป ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศ ยุโรปสะสมน้ำมันสำรองเต็มพิกัดเพื่อป้องกันสภาวะขาดแคลนพลังงานในอนาคต กลยุทธ์ทาง การเมืองระหว่างประเทศเข้มข้นขึ้นจากการแสวงหาแหล่งพลังงานของโลกเปรียบเสมือนยุค การล่าอาณานิคมใหม่โดยมีพลังงานเป็นเดิมพัน
            
ในอดีตเคยมีการสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่มีมหาศาล จนอดีตท่าน นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยต้องกล่าวออกมาว่า “ โชติช่วงชัชวาลย์ ” แต่ในปัจจุบันประ
เทศชาติและประชาชนชาวไทยได้ประโยชน์อะไรบ้าง นอกจากราคาก๊าซถูกกว่าเพื่อนบ้านลิตร
ละ 2-3 บาทเท่านั้น ผลประโยชน์มหาศาลกลับไปอยู่ที่บริษัทน้ำมันต่างชาติ หรือหน่วยงานพลัง
งานบางแห่งที่มีต่างชาติเป็นผู้ดำเนินการแม้จะมีชื่อเป็นไทยก็ตาม

            มีข่าวทรัพยากรในทะเลซึ่งไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนข่าวหนึ่งกล่าวว่า กระทรวงพลังงาน ได้อนุมัติสัมปทานปิโตรเลียมให้กับบริษัท นิวคอสตอล (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ ๑๗
กรกฎาคม ๒๕๔๖ ตามสัมปทานเลขที่ ๗/๒๕๔๖/๖๔ ในช่วงเวลาสัมปทาน ๑๕ ปี บริษัทนิว
คอสตอล ซึ่งได้รับสัมปทานในการขุดเจาะและผลิตน้ำมันในแหล่งบัวบาน ๑ - ๔ ซึ่งจะส่งผล กระทบกับอาชีพประมงชายฝั่งในพื้นที่ ๔ อำเภอ ( www.coastalenergy.com)  แหล่งบัว
บานคือแหล่งน้ำมันจำนวนมหาศาลห่างฝั่งจังหวัดสงขลาไม่เกิน ๓๐ กิโลเมตร ในช่วงขุดเจาะ
เวลา ๓ ปี ห้ามทำการประมง อีก ๑๒ ปี ช่วงผลิตระยะห่างจากแท่นเจาะ ๕๐๐ เมตรรัศมี ๔
แท่นเจาะกับ ๑ แท่นฐาน มีการห้ามทำการประมง ส่วนด้านสิ่งแวดล้อมนั้นกระแสน้ำที่พัดเข้า ฝั่งตั้งแต่อำเภอระโนด อำเภอสทิงพระ อำเภอสิงหนคร และอำเภอเมืองสงขลาจะเป็นตัวส่งมล ภาวะต่างๆ หากเกิดอุบัติเหตุจากการขุดเจาะท่อน้ำมันรั่วหรือเรือบรรทุกน้ำมันรั่วหรือจมจะ เกิดผลกระทบมหาศาล ในขณะที่บริษัทแจ้งว่ามีทุนจดทะเบียนแค่ ๑๐๐ ล้านบาทเพียงพอต่อ ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่และไม่มีการระบุความรับผิดชอบไว้ในสัญญา (บรรจง นะแส , ๓๑ ก.ค. ๒๕๕๑)

            
ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมกับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและด้านความมั่นคงเมื่อ
เดือนที่ผ่านมาจึงทำให้ทราบข้อมูลด้านพลังงานเหล่านั้นด้วย และเมื่อได้สอบถามว่ามีการคาด การณ์หรือไม่ว่าปริมาณน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมีมากน้อยเพียงใด  คำตอบคือ
ปริมาณมหาศาล ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องรับทราบเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ชาติ มิใช่ปกปิดเหมือนกรณี  “ โชติช่วงชัชวาลย์ ”  ที่เราคิดว่าก๊าซธรรมชาติมีเพียงเล็กน้อย และ แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางอ่าวไทยของต่างชาติตั้งขึ้นโดยบังเอิญเท่านั้น
  เมื่อนำมารวบรวมข้อมูลทางด้านการวิเคราะห์วิจัยแล้วก็สามารถเข้าใจถึงคำตอบ ของคำถามกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในขณะนี้ว่าทำไมบริษัทขนส่งน้ำมันของประ เทศตะวันออกกลางเข้ามาให้ทุนวิจัยแบบให้เปล่าแก่หน่วยงานประเทศไทย (๒๐ - ๓๐ ล้าน บาท) และจะให้เงินกู้อีกแสนล้านบาทโดยไม่มีเงื่อนไข (แต่มีดอกเบี้ย) หากรัฐบาลไทยสร้าง ท่าเรือน้ำลึกแห่งอันดามันขึ้นที่ท่าเรือปากบารา เชื่อมสองทะเลที่จังหวัดสตูลและจังหวัดสงขลา ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของเขา 
                        ผู้บริหารบริษัทแห่งนี้ได้ทำการบรรยายประสบการณ์ของประเทศตนที่ร่ำรวยจาก การขุดเจาะน้ำมันมีคุณภาพชีวิตระดับโลก และทำให้เราจินตนาการไปเองว่าการพัฒนาเมือง ระดับโลกจะเกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นกัน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วเมืองท่าอุตสาหกรรม และน้ำมันที่มีรายได้มหาศาลก็เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย ที่ท่าเรือบางสะพานจังหวัดประจวบ คีรีขันธ์ และท่าเรือมาบตาพุดจังหวัดระยองที่สภาพแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับจินตนาการนั้น โดย ไม่ทราบว่าผลประโยชน์มหาศาลนั้นรัฐบาลและประชาชนไทยได้รับเท่าใด แต่สิ่งที่ได้รับอย่าง เต็มที่คือมลภาวะสภาพแวดล้อมระดับวิกฤติสู่ประชาชนในพื้นที่ทำให้เกิดการปะทะกันอย่างรุน แรงกลางเมืองบางสะพานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ระหว่างประชาชนและคนของผู้ประกอบการ และที่จังหวัดระยองก็ได้รับการประเมินว่าเป็นจังหวัดที่มีมลพิษมลภาวะสภาพแวดล้อมมากที่ สุดในประเทศไทยในปัจจุบันนี้

            ความเจริญและการพัฒนาทางเทคโนโลยี่นั้นอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้ในอนาคต ที่จะทำให้ประเทศของเรารุดหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ แต่การที่ประเทศชาติมิได้ผล ประโยชน์ใดๆ แต่กลับต้องกู้เงินเสียงบประมาณมากมายเพื่อสร้างอภิมหาโครงการตรงตาม เป้าหมายวัตถุประสงค์ของต่างชาติ และให้ต่างชาติกอบโกยทรัพยากรอันมีค่าจากท้องทะเล ไทยกลับไป โดยทิ้งเศษเงินให้บุคคลบางกลุ่มและทิ้งมลภาวะให้กับผืนแผ่นดินของเรานั้น เป็น สิ่งที่ไม่ควรเป็นอย่างยิ่งธรรมชาติที่งดงามประชาชนและลูกหลานที่บริสุทธิ์ในพื้นที่จังหวัดชาย ฝั่งทะเลภาคใต้ทั้งสองทะเลจะได้รับผลกระทบเหล่านี้

           หากจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมน้ำมันรายใหม่การ ควบคุมมลภาวะจะต้องอยู่ในระดับมาตรฐานโลกอย่างเข้มงวดมิใช่มาตรฐานจังหวัดระยองทุก วันนี้ประเทศชาติและประชาชนไทยจะต้องได้รับผลประโยชน์โดยตรงเหมือนประชาชนประเทศ น้ำมันหรือประเทศเจริญแล้วอื่นๆ การควบคุมกิจกรรมขุดเจาะและขนถ่ายหรือผลิตน้ำมันแปร รูปจะต้องกระทำหรือควบคุมโดยบุคลากรไทย และยังผลประโยชน์สู่องค์กรของชาติทั้งหมด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค