บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ขายหุ้น ปตท.สุดเจ้าเล่ห์-แม้ว นายหน้าสัมปทาน


พรรคประชาธิปัตย์และ คณะทำงานประสานงานเครือข่ายภาคประชาชน จัดสัมมนาหัวข้อ เปิดหูเปิดตาพลังงานไทย “ขายหุ้น ปตท.คนไทยได้หรือเสีย” มีวิทยากร ประกอบด้วย นางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม., นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ,นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน มี น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
สาเหตุที่รัฐบาลใช้เป็นข้ออ้างในการขายหุ้น ปตท.ว่า เป็นการโอนหนี้ให้กองทุนวายุภักษ์ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ เท่ากับโอน ปตท.จากกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา ทำให้รัฐบาลยังสามารถกำกับดูแล ปตท.ได้เหมือนเดิม
ทุกรัฐบาลต้องเผชิญกับปัญหาการจัดทำงบประมาณ เพราะงบรายจ่ายประจำสูงถึงกว่า 80% มีงบลงทุนเพียง 10 กว่า% เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถพัฒนาประเทศได้ จึงต้องกู้เงินเพิ่มขึ้นเป็นภาระในการชำระหนี้ในการตั้งงบประมาณ ซึ่งจะต้องไม่เกิน 15% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไม่เช่นนั้นจะเสียวินัยการคลัง
ถ้าตัวเลขหนี้ที่เป็นภาระต่องบประมาณอยู่ที่ 12% ตามที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ระบุ ก็เป็นตัวเลขที่อันตราย แต่เรื่องนี้ก็ยังถกเถียงกันอยู่ เพราะ นายธีระชัย อดีต รมว.คลัง ระบุว่า อยู่ที่ 9%
ขณะที่การตั้งงบชำระหนี้ของรัฐบาลในงบประมาณรายจ่ายปี 2555 อยู่ที่ 1% เท่านั้น ทำให้หนี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถใช้หนี้เงินต้นในระยะยาวได้ จึงทำให้รัฐบาลคิดที่จะลดหนี้สาธารณะลง
ทำให้ ประธาน กยอ.ออกมาโยนหินถามทางถึงการโอนหุ้นให้กองทุนวายุภักษ์เพื่อให้การบินไทย และ ปตท.พ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ยังคงอำนาจในการดูแลสองหน่วยงานนี้ได้ต่อไปด้วยการขายให้กับกองทุนวายุภักษ์ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นเกือบ 70%
ผลกระทบในแง่การบริหารงานของ ปตท.นั้น คิดว่า จะทำให้การบริหารงานของ ปตท.มีความคล่องตัวมากขึ้น สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น ลงทุนได้เพิ่มขึ้น เพราะไม่ต้องขอความเห็นชอบเรื่องงบลงทุนจาก ครม.
แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ การที่รัฐบาลกำกับดูแล ปตท.จะทำได้ดีเหมือนเดิมหรือไม่ ยังเห็นว่าไม่มีปัญหา โดยเปรียบเทียบกับกรณีบางจากปิโตรเลียมที่มีการแปรรูปให้ ปตท.มาถือหุ้นแทน กระทรวงการคลัง ก็ไม่มีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการ
แต่ถ้ามีการแปรรูป ปตท.เป็นเอกชนเต็มตัวก็จะคำนึงถึงกำไรมากขึ้น ทำให้การดูแลเพื่อช่วยเหลือประชาชนทำได้น้อยลง และเข้าใจว่า ประชาชนไม่มีความไว้วางใจนักการเมือง แต่ก็ยังเห็นความจำเป็นที่ต้องแก้ปัญหาหนี้สาธารณะด้วย โดยเห็นว่าหนี้ของ ปตท.และการบินไทยไม่ควรรวมอยู่ในหนี้สาธารณะ
น.ส.รสนา กล่าวว่า คนที่คิดขายหุ้นให้กองทุนวายุภักษ์เป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกล กรณีแปรรูป ปตท.ใน ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐบาลที่เคยอ้างว่าจะให้รัฐถือหุ้น 75 % แต่ปัจจุบันรัฐถือหุ้นเพียง 52 % เท่านั้น ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลเคยระบุว่าการแปรรูปคือรูปแบบหนึ่งของการคอรัปชั่นด้วยการแปรทรัพย์สินประเทศไปเป็นของเอกชน
“และที่ต้องบอกว่า ทั้งโง่ บ้า และโกง คือ มีการเอาท่อก๊าซซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของชาติไปรวมกับทรัพย์สินของ ปตท.โดยไม่มีการแยกออกมาทั้งที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนลงทุนของ ปตท.ว่าจะต้องมีการแยกท่อก๊าซออกมาภายใน 1 ปี
แต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้นำ ปตท.ไปแปรรูปกลับไม่มีการดำเนินการรักษาผลประโยชน์ชาติในส่วนนี้  พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ปฏิบัติตามสัญญาช่วงหาเสียงที่จะยกเลิกกฎหมายที่ถูกเรียกว่ากฎหมายขายชาติ 13 ฉบับ
แต่กลับใช้ประโยชน์จากกฎหมายดังกล่าวมาแปรรูปรัฐวิสาหกิจชั้นดีของไทย โดยการขายหุ้น ปตท.ในขณะนั้นหมดเกลี้ยงภายใน 1 นาที 17 วินาที ทำให้ถูกมองว่านักการเมืองคือผู้ถือหุ้น ปตท.ตัวจริง โดยราคาหุ้น ปตท.จากที่เริ่มต้นในราคา 35 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นสูงถึงกว่า 300 บาท และกำไรสะสมของ ปตท.ในปี 2553 สูงถึงกว่า 8 แสนล้านบาท จึงสมควรให้ ปตท.คืนกำไรให้ประชาชนด้วย”
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การแปรรูปแบบ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ขายสมบัติชาติถูกๆ กระบวนการแปรรูปไม่โปร่งใส เหมือนขายที่สุขุมวิท เท่าที่ดินบางบัวทอง เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย มีหุ้นอุปการคุณ 25 ล้านหุ้น โดยเป็นรายชื่อกลุ่มการเมืองในสังกัด พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น
จึงเกรงว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เพราะการปรับ ครม.มีการนำชินโมเดลมาบริหารประเทศ ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นแค่หุ่นเชิด จึงรู้สึกสงสารประเทศ เพราะผู้บริหารตัวจริงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ประชาชนต้องลุกขึ้นมาต่อต้าน เพื่อให้รัฐบาลก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ได้ไม่ให้มีการทุจริตเชิงนโยบายสนองผลประโยชน์ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดขึ้น
“เรายอมไม่ได้ที่จะเอาสมบัติชาติไปเป็นของเอกชน เจ็บแล้วต้องจำคนไทยจะยอมให้มีการฮุบ ปตท.เหมือนที่เคยเกิดในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ อีกไม่ได้ โดยสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ
การทุจริตเชิงนโยบายซึ่งสะท้อนจากพฤติกรรมของรัฐบาลตั้งแต่การปรับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ ส่งผลให้ราคาก๊าซที่ ปตท.ผูกขาดอยู่พุ่งสูงขึ้นทันที โดยในช่วงที่ผมเป็นฝ่ายค้าน พ.ต.ท.ทักษิณ เคยคุยกับผมว่าจะทำธุรกิจด้านพลังงาน ผมมั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังหาประโยชน์จากแผนลงทุนของ ปตท.ที่กำหนดไว้ถึง 3.5 แสนล้านบาท ผ่านการกำกับดูแลของรัฐบาล
โดยในวงเงินจำนวนดังกล่าว 1 ใน 3 เป็นการลงทุนด้านก๊าซ ซึ่งเชื่อมโยงถึงพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา บริเวณเกาะกงด้วย เพราะมีการระบุว่าพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าวเป็นแหล่งพลังงานที่มีมูลค่ามหาศาล
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเดินสายเจรจาสัมปทานพลังงานที่เลบานอนแทน ปตท.อีกด้วย เรื่องเหล่านี้ผมไม่อยากให้สื่อมวลชนมองข้าม แล้วไปเสนอแต่ข่าวยาเสพติด เพราะถ้าเผลอเพียงนิดเดียวการฮุบ ปตท.ก็อาจเกิดขึ้นทันที”
 
 
 

ข่าวโดย : ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง