บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทุจริตเชิงนโยบาย เกมล่าขุมทรัพย์ “ทองคำสีดำ”

ทุจริตเชิงนโยบาย เกมล่าขุมทรัพย์ “ทองคำสีดำ”

นายตะเกียง
 

ม้ว่า ทักษณ ชินวัตร จะเหิรฟ้าด้วยเครื่องบินส่วนตัวออกจากกัมพูชา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเดินสายบรรยานโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยมีคิวต่อ ที่มาเลเชีย และ ฮ่องกง เพื่อแสดงศักภาพถึงความเป็นผู้นำอีกครั้ง 
แต่ ยังมีประเด็นการต่อสู้ที่แหลมคม ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคประชาธิปัตย์ ว่าผลประโยชน์จะตกอยู่ในกระเป๋าใคร ในการเจรจาธุรกิจพลังงานกับกัมพูชา กับขุมทรัพย์ทองคำสีดำ
ถึงขนาดพรรคเพื่อไทยเดิมรุกให้มีการตรวจสอบ อดีตรองนายกฯ  สุเทพ เทือกสุบรรณ กับปฏิณณาแกงเรียง หลังจาก นายกฯฮุน เซน ออกมาเปิดเผยการเจรจาลับกับอดีตรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่เข้าข่ายผิดมาตรา 190 หรือไม่
แต่วันนี้สถาการณ์เปลี่ยนไป เมื่อเพื่อไทยกลับเข้ากุมอำนาจรัฐ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางเยือนกัมพูชา ในวันที่ 15 กันยายน ตามด้วย ทักษิณ ชินวัตร ที่เข้ากัมพูชาในวันที่ 17  กันยายน ทิ้งห่างกันเพียง 2 วัน
หลังจากเดินทางกลับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ยังได้เปิดทำเนียบต้อนรับผู้บริหาร Chevron บริษัทพลังงานยักษ์ ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ทันที
Chevron ตั้งบริษัทร่วมทุนกับ กลุ่ม Mitsui จากญี่ปุ่น และกลุ่ม GS Caltex จากเกาหลีใต้ เพื่อสำรวจหาแหล่งน้ำมัน และแก๊สธรรมชาติในเขตน่านน้ำของกัมพูชาตั้งแต่ปี 2545
ไม่รู้ว่าบังเอิญ หรือ ตั้งใจ ที่ ทักษิณ  ในฐานะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา แต่อีกสถานะคือ พี่ชายของนายกฯยิ่งลักษณ์  ที่ไม่สามารถแยกขาดจากกันได้ชัดเจน
จึงเกิดข้อสงสัยว่า การเข้าไปทำธุรกิจน้ำมันภายใต้การเจรจาของ ทักษิณ จะเป็นบริษัท ปตท.ที่กระทรวงพลังงานถือหุ้นหลักหรือไม่  หรือ  ว่าเป็นบริษัทพลังงานอื่นที่ ทักษิณ  อาจ จะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจรา หรือ บริษัทใกล้ชิด ที่ให้นอมินิแอบถือหุ้นแทน และไปจดทะเบียน ที่ดูไบ บรูไน สิงค์โปร์ หรือ มอนเตเนโกร
เพราะวันนี้ ทักษิณ  เป็น ผู้ที่รู้ข้อมูล ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ในฐานะผู้นำการเจรจา ตัวจริง เสียงจริง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เปรียบเหมือนหมากที่ต้องเดินไปตามเกม เพราะขนาดพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ยังตอบไม่เคลียร์ว่าเป็นของไทยหรือไม่    
แม้ว่าในการเดินทางเยือนกัมพูชา ของนายกฯยิ่งลักษณ์ จะมีข้อมูลบางส่วน ที่กระทรวงพลังงาน มอบให้ไปเจรจา  แต่ยังไม่อาจขับเคลื่อนได้ในช่วงนี้ เพราะยังมีมาตรา 190 เรื่องสนธิสัญญาระหว่างประเทศค้ำคอ ก่อนเปิดช่องให้กับธุรกิจพลังงาน เข้าไปร่วมลงทุน
แน่ นอนนับจากนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ย่อมหาทางทำทุกอย่างให้ ถูกต้องตามกฎหมาย และเร่งทำให้เสร็จสิ้น เพื่อให้ไทยบรรลุ ข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา ให้เสร็จในรัฐบาลนี้
จึงน่าสนใจว่า การอาศัยช่องทางขอกฎหมาย และเสียงข้างมากในสภา อาจจะเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทพลังงานบางบริษัท หรือไม่  หรือเข้าข่ายการทุจริตเชิงนโยบาย และผลประโยชน์ทับซ้อน ที่อาจกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งในรัฐบาลชุดนี้
เพราะ เป็นงานถนัดของรัฐบาลเพื่อไทย นับตั้งแต่อดีต ไม่ว่าจะเป็นการออก พรก.ยกเว้นการเก็บภาษีกิจการโทรคมนาคม เอื้อให้กลุ่มชินคอรป์ ก่อนที่จะขายหุ่นให้กลุ่มเทมาเซค จนนำไปสู่การยึดทรัพย์ ข้อหาร่ำรวยผิดปกติ และทุจิรตต่อหน้าที่
คดีปล่อยกู้ พม่า 4 พันล้านให้รัฐบาลเผด็จการทหารพ่า เอื้อ บริษัทในเครือ ชินคอรป์ ที่มีครอบครัว  ทักษิณ ชินวัตร  เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
จึง ไม่ต้องแปลกใจ ที่กัมพูชา เลือกข้างพรรคเพื่อไทยตั้งแต่เป็นฝ่ายค้าน เพื่อรอจังหวะให้กลับมามีอำนาจรัฐอีกครั้ง เพื่อเจรจาแบ่งขุมทรัพย์
จึงไม่ต้องไปหาคำตอบว่า ขุมทรัพย์ทองคำสีดำ ในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ผลประโยชน์ทั้งหมดจะไปตกอยู่ในมือของใคร?
—————//—————–
ขอขอบคุณนายตะเกียง จาก ok nation

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง