บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เรื่องน้ำมันวันละโพสต์

Walwipha Charoonroj Burusratanaphand เรื่องน้ำมันวันละโพสต์

Walwipha Charoonroj Burusratanaphand
เรื่องน้ำมันวันละโพสต์
("มีประเทศมาขาย" จามรี วรายะนันท์ แปล)





นา คาคอร์ปได้เข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกงตั้งแต่ปี 2006 แต่การจะเข้าไปอยู่ในตลาดหุ้นแห่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนแรกบริษัทเคยพยายามจะเข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์เมื่อปี 2003 แต่ใบสมัครถูกปฏิเสธจากทบวงการเงินของสิงคโปร์(MAS) ตอนนั้นทาง MAS ได้อธิบายว่า “คงจะไม่เป็นผลดีต่อส่วนรวม ถ้าเราจะรับนาคาคอร์ปเข้าเป็นสมาชิก MAS ขอสงวนความคิดเห็นที่ว่า การดำเนินกิจการของนาคาคอร์ปนั้น ยังไม่อาจถือได้ว่าพัฒนาเข้ากรอบกฎหมายควบคุมการประกอบการคาสิโนและการ ป้องกันการฟอกเงิน ตามที่ FAFT(องค์กรสากลที่ปฏิบัติการเพื่อป้องกันการฟอกเงิน) ระบุไว้ นอกจากนี้นาคาคอร์ปยังไม่มีการตั้งระบบตรวจสอบบัญชีที่เป็นอิสระ ที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมภายในองค์กรนาคาคอร์ป เพื่อแก้ปัญหาการฟอกเงิน” นี่จึงทำให้นาคาคอร์ปต้องหันกลับไปหาตลาดหุ้นฮ่องกงอีกครั้งและเข้าตลาดหุ้น ที่นั่นสำเร็จในปี 2006ด็อกเตอร์ Chen Lip Keongยังเป็นประธานบริษัทที่ดินและการท่องเที่ยวในมาเลเซียชื่อ Karambunai Corp Berhad โดยเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีอำนาจเต็ม บริษัทนี้ทำกำไรได้ 49.2 ล้านริงกิต หรือประมาณ 14.4 ล้าน US ในปี2007 ธุรกิจที่เป็นเหมือนเพชรเรือนยอดของบริษัทก็คือ รีสอร์ทเน็กซัสการัมบุรี ในบอร์เนียว ราคาที่พักหนึ่งคืนสูงถึง 350US รีสอร์ทแห่งนี้ยังมีไว้สำหรับผู้มาใช้บริการสนามกอล์ฟระดับมาตรฐานการแข่ง ขันนานาชาติขนาด 18 หลุม ที่ซึ่งนักกอล์ฟมืออาชีพและนายกฯฮุนเซน เคยมาใช้บริการเมื่อเดือนมิถุนายน 2000และดูเหมือนว่าหนึ่งในสามของพื้นที่นอกชายฝั่งบล็อค B จะเป็นของบริษัทแห่งหนึ่งของที่ปรึกษาเศรษฐกิจคนหนึ่งของฮุนเซน


บล็อค C จากข้อมูลของรัฐบาล บริษัทโพลีเทคเป็นบริษัทที่ได้สิทธิสำรวจน้ำมันในพื้นที่บล็อค C ไปทั้ง 100% ซึ่งมีรายงานจากสำนักข่าวแห่งหนึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2008 ว่า โพลีเทคจะเริ่มขุดเจาะน้ำมันในบล็อค C ในไม่ช้านี้ เอกสารหลายฉบับ ที่ GW ได้มา ชี้ให้เห็นว่า บ.โพลีเทคก็คือบริษัทเดียวกับ บ.Polytec Asset Holding Limited ซึ่งก่อตั้งที่หมู่เกาะเคย์แมน โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฮ่องกงPolytec Petroieum Corporation จดทะเบียนเป็นบริษัทกับกระทรวงการค้าของกัมพูชา เมื่อปี 2006 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจน้ำมัน ผู้บริหารของบริษัทซึ่งมีฐานอยู่ในกัมพูชาแห่งนี้คือนาย Tommy Lam Chi Chung และนาย Or Wei Sheunจากข้อมูลในเว็บไซต์ของ บ.Polytec Asset Holding นาย Lam Chi Chung กับนาย Or Wei Sheun ยังดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงด้วย โดย Lam Chi Chung เป็นกรรมการบริหาร ส่วน Or Wei Sheun อยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทมาตั้งแต่ตอนที่เขาได้เข้าถือหุ้นใหญ่ใน Polytec Asset Holdings ในปี 2001 และ ณ ปัจจุบัน เขาถือหุ้นทั้งหมด 59.5%GW ได้เขียนจดหมายถาม Polytec Asset Holdings Limited เมื่อเดือนตุลาคม 2008 ว่าบริษัทมีการทำกิจการใดๆ ในกัมพูชาหรือไม่ แต่ถึงขณะที่เอกสารนี้ถูกตีพิมพ์ออกไป เราก็ยังไม่ได้คำตอบใดๆจากข้อมูลของทาง Polytec Asset Holdings Limited บริษัทไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจหลักของบริษัทคือ ที่ดิน น้ำแข็ง ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง การเงิน และการลงทุน และขณะนี้บริษัทกำลังทำโครงการลงทุนและพัฒนาที่ดินในดินแดนเล็กๆ แต่มั่งคั่งที่มาเก๊า บริษัทยังมีธุรกิจน้ำแข็งและห้องเย็นในฮ่องกงอีกด้วย ในรายงานตลอดห้าปีที่ผ่านมาของบริษัท ก็ไม่มีการกล่าวถึงกัมพูชาหรือการสำรวจน้ำมันใดๆ เลย ในปี 2007 บริษัททำกำไรได้มากถึง 222 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือ 29 ล้าน USDถึงปี 2004 Polytec Asset Holdings ก็เป็นที่รู้จักในชื่อ Kin Don Holdings Limited โดยทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้า บริษัทเคยประสบปัญหาการเงินก่อนที่จะถูกนาย Or Wei Sheun เข้าซื้อกิจการ ตัว Or Wei Sheun นั้น เป็นนักธุรกิที่ประสบความสำเร็จ นิตยสารฟอร์บส เคยลงข้อมูลว่า เขาร่ำรวยเป็นอันดับที่ 22 ของฮ่องกง ด้วยทรัพย์สินจำนวน 2.4 พันล้าน USD เขายังเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะที่ปรึกษาทางการเมืองสูงสุดของจีน (CPPCC) องค์กรที่สำคัญยิ่งที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเรื่องนโยบายแห่งชาติกับจีนสรุป ก็คือ พื้นที่นอกชายฝั่งบล็อค C ของกัมพูชา ถูกควบคุมโดยบริษัทหนึ่งซึ่งประสบการณ์ด้านการสำรวจน้ำมันและก๊าซธธรรมชาติ ที่เป็นรูปธรรมไม่เคยเป็นที่ประจักษ์ และก็ไม่เคยมีการเปิดเผยต่อสาธารณะในรายงานประจำปีของบริษัทว่าได้มีการไปลง ทุนใดๆ ในกัมพูชา GW จึงรู้สึกคลุมเครือในประเด็นที่ว่า ทำไมบริษัทนี้จึงได้สัมปทานน้ำมัน และเรื่องความรู้ความสามารถของบริษัทด้านการสำรวจน้ำมัน


บล็อค D ในบรรดาการออกสัมปทานน้ำมันทั้งหมด บล็อค D ดูจะเป็นบล็อคที่มีความคลุมเครือมากที่สุด จากรายงานในเอกสารของรัฐฯ และบรรดาสื่อกัมพูชา บริษัทที่ได้พื้นที่บล็อคนี้ทั้งหมดไป 100% เป็นบริษัทซึ่งจดทะเบียนเป็นสัญชาติสิงคโปร์ ชื่อ China Petrotech ซึ่งเป็นบริษัทผลิตซอฟต์แวร์ที่ศึกษาและจัดทำซอฟต์แวร์เรื่องการสำรวจน้ำมัน ให้กับลูกค้า อย่างเช่น บริษัทน้ำมันของรัฐบาลจีน แต่เมื่อ GW ตรวจสอบหลักฐานที่มีอยู่อีกครั้ง ก็ดูเหมือนว่าจะมีอีกหลายบริษัทเข้ามามีเอี่ยวด้วย คือแทนที่ China Petrotech จะเป็นผู้ประกอบการเพียงรายเดียวในบล็อค D กลับปรากฏว่าบริษัทได้เข้าซื้อบางส่วนของบริษัทอีกแห่งหนึ่งซึ่งถือสิทธิ ประกอบการในพื้นที่บล็อค D อยู่ และต่อมา China Petrotech ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Mirach Energy ในปี 2008จากข้อมูลในเว็บไซต์ของ China Petrotech หรือ Mirach Energy สัญญาแบ่งผลผลิตในพื้นที่บล็อค D ตกเป็นของบริษัทซึ่งจดทะเบียนเป็นสัญชาติกัมพูชาชื่อ China Zhen Rong Cambodia Energy (CZECE) เมื่อเดือนเมษายน 2006 ตามเนื้อหาในสัญญานี้ บ.CZRCE ได้สิทธิสำรวจพื้นที่บล็อค D แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 7 ปี และสิทธิในการผลิตน้ำมันเป็นเวลา 30 ปี ซึ่งในทางเทคนิคก็แปลว่า สิทธิสำรวจบล็อค D เป็นของ CZRCE ไม่ใช่ของ China Petrotech หรือ Mirach Energyเดือนเมษายน 2006 บ. China Petrotech/Mirach Energy ได้ประกาศว่า ตนได้ทำสัญญาให้บริการด้านการทำเหมืองน้ำมันกับบริษัท CZRCE ภายใต้สัญญาการให้บริการนี้ บ. China Petrotech/Mirach Energy จะต้องให้คำแนะนำด้านเทคนิคและการจัดการโครงการ เพื่องานพัฒนาและงานในโครงการผลิตน้ำมันในพื้นที่นอกชายฝั่งแห่งนี้ของ CZRCE สามเดือนต่อมา คือ ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2006 บ. China Petrotech/Mirach Energy ก็ได้เข้าซื้อหุ้น 48% ของ CZRCE ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ CZRCE โดยหุ้นทั้งหมดถูกซื้อในราคา 5.8 ล้าน USD ภายใต้เงื่อนไขว่า เมื่อการซื้อเสร็จสิ้น China Petrotech/Mirach Energy จะเป็นผู้ประกอบการเพียงรายเดียวในบล็อค Dการที่ China Petrotech/Mirach Energy เข้าซื้อ CZRCE ทำให้ถูกทางตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ตั้งคำถามว่า CZRCE ทำธุรกิจอะไรกันแน่ และมีมูลค่าเท่าไร ทางบริษัทจึงตอบว่า.... “CZRCE ก่อตั้งในกัมพูชา เพื่อจุดประสงค์เข้าถือสัญญาแบ่งผลประโยชน์ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใน พื้นที่นอกชายฝั่งบล็อค D ที่เรียกันว่า ‘บล็อค D PSC’ สัญญาที่ว่านี้ออกโดยการปิโตรเลียมฯกัมพูชา มูลค่าสินทรัพย์ของ CZRCE ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2006 เท่ากับ 5,000 USD” พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ การปิโตรเลียมกัมพูชาได้เซ็นสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับบริษัทๆ หนึ่ง ซึ่งไม่เคยมีประวัติชัดเจนด้านการสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมาก่อน และมีสินทรัพย์แค่ 5,000 USD นั่นคือไม่มีศักยภาพทางการเงินที่จะสามารถสำรวจหรือดึงทรัพยากรใดๆ ขึ้นมาได้


การที่ บ.CZRCE ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน ทำให้ GW รู้สึกอยากที่จะหาความจริงเกี่ยวกับบริษัทนี้ รวมถึงว่าใครเป็นเจ้าของบริษัทกันแน่ เอกสารการจดทะเบียนบริษัทที่ GW ได้มา แสดงให้เห็นว่า CZRCE เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทกับกระทรวงการค้าของกัมพูชา เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2006 โดยมีผู้บริหารชื่อนาย Xiong Shaohui ปลายปี 2008 GW จึงได้ไปตามที่อยู่ในกรุงพนเปญที่ CZRCE ได้จดทะเบียนไว้ แต่ไม่พบว่ามีบริษัทชื่อ China Zhen Rong Cambodia Energy ณ ที่อยู่นั้นเลยGW ได้ตรวจดูประวัติการเป็นเจ้าของบริษัท CZRCE ซึ่งตามข้อมูลของ China Petrotech/Mirach Energy บอกว่า เมื่อเดือนกรกฎาคม 2006 China Petrotech ได้เข้าซื้อหุ้น 48% ของ CZRCE จากบริษัทหนึ่งซึ่งจดทะเบียนในกัมพูชาชื่อ Power Unicorn Investment Limited ซึ่งทำให้หุ้น CZRCE ในมือของ Power Unicorn ลดลงไปเหลือ 27% แต่แม้จะถูก GW ตามจี้ทาง Power Unicorn ก็ไม่ยอมแพร่งพรายข้อมูลเกี่ยวกับกิจการของตน รวมถึงว่าใครเป็นเจ้าของบริษัทผู้รับผลประโยชน์ตัวจริงจากเอกสารข่าวแจกของ China Petrotech ทางบริษัทอ้างว่า หลังจากที่ China Petrotech เข้าซื้อหุ้น 48% ของ CZRCE เมื่อเดือนกรกฎาคม 2006 ก็มีบริษัทชื่อ China Finance Fund เข้ามาซื้อหุ้นของ CZRCE ไปอีก 5% และก็มีอีกบริษัทชื่อ Guangdong Zhen Rong Energy เข้ามาถือหุ้นอีก 20% บ.China Finance Fund เป็นบริษัทซึ่งจดทะเบียนที่ฮ่องกง ภายใต้การบริหารของเอกชนชื่อ Lut Tim Cheng เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินกับลูกค้าชาวจีนซึ่งไม่ปรากฏชื่อ ส่วน บ.Guangdong Zhen Rong Energy เป็นบริษัทลูกของบริษัท Zhuhai Zhen Rong Limited ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Zhen Rong กรุ๊ป ตามรายงานนั้น Zhen Rong เป็นหนึ่งในห้าบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของรัฐบาลจีนที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้า น้ำมันดิบในเดือนเมษายน 2007 บ.China Zhen Rong Cambodia Energy ก็เปลี่ยนชื่อเป็น China Petrotech Holdings Limited Cambodia หรือ CPHL Cambodiaหลังการขุดเจาะเพื่อการสำรวจในปี 2007 China Petrotech ก็ได้ประกาศว่า พื้นที่บล็อค D นี้ อาจมีน้ำมันอยู่มากถึง 226.9 ล้านบาร์เรล หรือถ้าเป็นก๊าซธรรมชาติก็ราว 496.2 พันล้านลูกบาศก์ฟุต แต่แม้กระนั้น บริษัทก็ต้องพบกับความยากลำบากอยู่สองสามปี เริ่มจากในช่วงระหว่างดือนมีนาคม 2007 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2008 ผู้บริหารสามคนได้ลาออกไป และตั้งแต่เดือนกันยายน 2007 เป็นต้นมา ราคาหุ้นของบริษัทก็ตกลงไปมากถึง 90% และในเดือนเมษายน 2007 KPMG ซึ่งเป็นสำนักงานตรวจสอบบัญชี ก็ได้ประกาศว่า ตนไม่สามารถจะให้ความเห็นเกี่ยวกับบัญชีของ China Petrotech ได้ เพราะไม่สามารถหาหลักฐานที่แสดงการให้บริการและรายชื่อลูกค้าบางส่วนใน รายงานการเงินของบริษัทได้ ข้อความนี้ย่อมหมายความว่า พวกเขา “ไม่สามารถจะหาหลักฐานอันเหมาะสมและมากพอ เพื่อใช้เป็นฐานในการแสดงความคิดเห็นในรายงานการตรวจสอบบัญชี” KPMG ได้ถูกถอนออกจากการทำหน้าที่ตรวจสอบบัญชีตอนปลายปี 2007 และมี บ.LTC แอนด์แอสโซซิเอทส์เข้ามาทำหน้าที่แทนเมื่อเป็นเช่นนี้ บริษัทที่มีสิทธิการสำรวจในบล็อค D จึงเหลือเพียงบริษัทน้ำมันสิงคโปร์ที่ให้บริการด้านซอฟต์แวร์กับบริษัทลึก ลับซึ่งจดทะเบียนเป็นสัญชาติกัมพูชา ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อการเข้าถือสัมปทานนี้โดยเฉพาะ แถมหุ้นบางส่วนของบริษัทลึกลับนี้ ก็ได้ตกเป็นของบริษัทที่ไม่เป็นที่รู้จักแห่งหนึ่ง กับบริษัทจีนอีกแห่งหนึ่ง และบริษัทนำเข้าน้ำมันดิบของรัฐบาลจีนแห่งหนึ่งGW ได้เขียนจดหมายถามบริษัททั้งหมดในเดือนตุลาคม 2008 เพื่อขอคำอธิบาย ต่จนถึงขณะที่บทความนี้ถูกตีพิมพ์ออกไป เราก็ยังคงไม่ได้รับคำตอบ


บล็อก E ในปี 2006 บริษัทน้ำมันอินโดนีเซีย PT Medco Energi International(Medco) ก็ได้สิทธิในการเข้าดำเนินงานในบล็อค E เป็นพื้นที่ 90 % ในขณะที่ บ. JHL Petroleum ได้พื้นที่ที่เหลืออีก 10 % ต่อมาในปี 2007 บ. Medco ได้ขายสิทธิในพื้นที่ 31% ให้กับบริษัทชื่อ Kuwait Energy และต่อมาในปีเดียวกัน บริษัทของสวีเดนชื่อ Lundin Petroleum ก็ได้เข้าซื้อที่บางส่วนในบล็อคนี้ไปจากสามบริษัทข้างต้น คิดเป็นจำนวน 34% ถึงขณะนี้สรุปได้ว่า พื้นที่ใน บล็อค E ตกเป็นของบริษัทต่างๆ เป็นจำนวนดังต่อไปนี้เป็นของ บ.Medco (เจ้าของ PSC) = 41.3%บ.Kuwait Energy = 20.6%บ.JHL Petroleum = 4.1%บ.Lundin Petroleum = 34%GW ได้เขียนจดหมายถามทั้งสี่บริษัทในเดือนตุลาคม 2008 ว่าพวกเขาเกี่ยวข้องอย่างไรกับพื้นที่บล็อค E ปรากฏว่ามีเพียงบริษัท Lundin ที่ตอบกลับมา Lundin แนะ GW ให้ไปดูข้อมูลในเว็บไซต์ของบริษัท พร้อมกับบอกเราว่า“อย่างที่เราได้บอกไปแล้วในข่าวแจกฉบับวันที่ 29 ตุลาคม 2007 ซึ่งหาอ่านในเว็บไซต์ของเราได้ ว่า Lundin Petroleum ได้สิทธิในผลประโยชน์ในพื้นที่นอกชายฝั่งของกัมพูชาบล็อก E จาก บ. Medco Kuwait Energy และ บ.JHL Petroleum โดยเราไม่ได้เป็นผู้ประกอบการเอง” …. “หลังจากการเข้าถือสิทธิในพื้นที่นั้นเสร็จสมบูรณ์ Lundin Petroleum ก็ได้กลายเป็นสมาชิกของข้อตกลงการปิโตรเลียมที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่บล็อค E ร่วมกับ บ.Medco, บ.Kec, บ.JHL Petroleum และการปิโตรเลียมกัมพูชา โดย บ.Medco เป็นผู้ประกอบการในพื้นที่สัมปทานบล็อก E” …. “Lundin Petroleum ได้กำหนดข้อพึงปฏิบัติให้ตนเอง และได้ตั้งกรอบแห่งความรับผิดชอบขึ้นมา ในประเด็นที่เกี่ยวกับจริยธรรมซึ่งอาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินกิจการ .... แม้ว่า Lundin Petroleum จะไม่ได้เข้าร่วมกับ EITI (หน่วยงานส่งเสริมความโปร่งใสในรายได้ที่ได้จากทรัพยากร) อย่างเป็นทางการ แต่เราก็สนับสนุนจุดยืนของ EITI ในการพยายามส่งเสริมหลักการเรื่องความโปร่งใส”อย่างไรก็ตาม Lundin ไม่ได้ตอบคำถามของ GW ที่ขอให้ช่วยเปิดเผยตัวเลขจำนวนเงินค่าตอบแทนลายเซ็นที่ Lundin จ่ายให้รัฐบาลตอนเซ็นสัญญาในขณะที่ Medco Lundin และ Kuwait Energy เป็นบริษัทน้ำมันที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่ JHL Petroleum กลับไม่เป็นที่รู้จัก และจากการขุดคุ้ยต่อมาของนักสืบ GW เราได้ไปพบเอกสารที่ Medco เคยส่งถึงตลาดหลักทรัพย์จาการ์ตา เมื่อเดือนตุลาคม 2006 ซึ่งมีข้อความว่า “…JHL Petroleum บริษัทสัญชาติบาฮามาส เป็นบริษัทน้ำมันของกลุ่มบริษัทซึ่งดำเนินกิจการน้ำมันอยู่ในประเทศ อินโดนีเซีย และได้เคยเข้าร่วมประมูลน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินานาชาติสองถึงสามครั้ง รวมถึงครั้งที่มีงานประมูลพื้นที่บล็อก L(ทั้งนอกชายฝั่งและบนฝั่ง) และบล็อก M(บนฝั่ง) ของประเทศบรูไนดารุสซาลาม”GW ยังไปได้เอกสารการจดทะเบียนบริษัท ที่เป็นเครื่องยืนยันว่า JHL Petroleum เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในเครือรัฐบาฮามาส เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2004 แต่ทว่า GW ยังไม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ว่า กลุ่มบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง JHL เป็นกลุ่มไหนกันแน่JHL Petroleum ก็มาทำนองเดียวกับ บ.CZRCE แห่งบล็อก D คือไม่มีประวัติเลยว่า เคยดำเนินกิจการสัมปทานน้ำมันมาก่อน เหตุผลที่รัฐฯ แบ่งสัมปทานน้ำมันให้บริษัทแห่งนี้ จึงน่าเคลือบแคลงอย่างยิ่ง
 
โดย Boon Wattanna

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง