บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประเทศไทยกับความมั่นคงพลังงานไทยในอนาคต


       สวัสดีทุกๆ ท่านผมในฐานะที่พอมีความรู้และผ่านงานด้านพลังงานมาบ้าง ผมขอฝากข้อคิดต่อรัฐบาลชุดใหม่เกี่ยวกับด้านพลังงานด้วย อะไรที่รัฐบาลชุดใหม่ทำถูกผมก็สนับสนุน แต่อะไรที่ผิดและอาจจะทำให้ประเทศชาติเสียหายหรือเสียผลประโยชน์นี้ ผมไม่เห็นด้วยแน่นอน
     
       เอาเรื่องที่เห็นด้วยก่อน ผมเห็นด้วยที่มีการลดภาษีน้ำมันหรือลอยตัวราคาน้ำมันในอนาคตจากความเห็นส่วน ตัวก็คิดว่าน่าจะช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางซึ่งเป็นการกระตุ้น เศรษฐกิจ แต่อยากเห็นนโยบายแบบนี้ในระยะยาวมากกว่านะซึ่งผลกระทบจากนโยบายนี้หลักๆ ก็จะมีสองประเด็นก็คือ
     
       1. จะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นและอาจทำให้มีมลพิษเพิ่มขึ้น
     
       2. เงินสำรองในกองทุนน้ำมันลดลง
     
       คิดว่าทั้งสองประเด็นนั้นเราน่าจะมีการแก้ปัญหาดังนี้
     
       มีการชดเชยเงินส่วนนี้ด้วยการวางแผนเก็บภาษีรถยนต์ตามประสิทธิภาพของ รถยนต์ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ารถยนต์แบบไฮบริดรถกระบะรุ่นไหนที่ประหยัดพลังงานหรือมอเตอร์ไซค์ก็ควรจะ เก็บภาษีน้อย แต่ถ้ารถยนต์ประเภทไหนใช้พลังงานเยอะไม่ได้ประหยัดพลังงานอย่างเช่น รถยนต์สองประตูก็อาจจะต้องเก็บภาษีมากหน่อย คิดว่าถ้าวางโครงสร้างดีๆ ถ้าหลายๆ ฝ่ายร่วมมือกันคงจะนำเงินส่วนต่างตรงนี้ไปชดเชยกองทุนน้ำมันได้ แล้วยังรณรงค์ให้ผู้ซื้อรถยนต์ใหม่เลือกรถยนต์แบบประหยัดพลังงานและเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ก็ขอย้ำว่าเห็นด้วยกับการลดการเก็บภาษีและขอเสนอให้มีการชดเชยกองทุนน้ำมัน ด้วยการจัดโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ จะได้เห็นนโยบายแบบนี้ระยะยาวซึ่งก็มีหลายประเทศที่ทำแบบนี้อย่างเช่นประเทศ แถบยุโรปอเมริกา หรือแม้กระทั่งจีนเองก็พยายามทำอยู่
     
       แต่เรื่องที่ผมไม่เห็นด้วยคือการที่ดูเหมือนว่ารัฐบาลของเราพยายาม เจรจาตกลงกับทางกัมพูชา (ตามที่ผู้บริหารบางกระทรวงให้สัมภาษณ์) เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ที่สุดนี้จริงหรือ?
     
       มีการยกกรณีที่ประเทศไทยเราตกลงกับทางมาเลเซียมาเป็นโมเดล (จากการที่ผู้บริหารบางกระทรวงให้สัมภาษณ์) อันนี้ผมคิดว่าคนละกรณีกัน
     
       เพราะเราไม่ได้มีปัญหาเรื่องเขตแดนกับทางมาเลเซีย และเรามีความจำเป็นอะไร
     
       ต้องรีบขนาดนั้น?? ถ้าบอกว่าอยากให้เรานำพลังงานตรงนั้นมาใช้อันนี้ผมเข้าใจ และเห็นด้วยแต่มันมีความจำเป็นต้องรีบทำขนาดนั้นเลยหรือ และก่อนที่เราจะตกลงกันนี้ผมไม่แน่ใจว่าทางรัฐบาลเราจะทำในฐานะอะไร ถ้าในฐานะนักธุรกิจหรือเอื้อนักธุรกิจบางท่านการที่ตกลงและทำสัญญาได้เร็ว กับทางกัมพูชาแน่นอนว่าอาจจะหมายถึงว่าท่านทำผลงานสำเร็จ แต่ถ้าทำในนามรัฐบาลไทยท่านต้องทำให้ประเทศเราได้ประโยชน์มากที่สุดไม่ใช่ หรือ ท่านจะตกลงกันเองโดยที่ไม่ประเมินข้อมูลที่แน่นอนบริเวณนั้นก่อนรึ
     
       เราอาจจะมีภาพถ่ายดาวเทียวคร่าวๆ แต่เรายังต้องทำการประเมินแหล่งน้ำมัน (seismic) และเจาะสำรวจก่อน (well testing) ของแหล่งน้ำมันบริเวณนั้นก่อนอย่าทำแบบอ่าวไทยเหมือนครั้งที่เราเคยตกลงกับ บริษัทน้ำมันต่างชาติในอดีตเมื่อหลาย 40-50 ปีก่อนแล้วเราเสียผลประโยชน์บางส่วนอันนั้นผมเข้าใจว่าตอนนั้นเราไม่มีความ รู้และความสามารถในเรื่องนี้ แต่ปัจจุบันนี้ประเทศเรามีทั้งบุคลากรและองค์กรต่างๆ ที่ช่วยกันดูแลเรื่องนี้
     
       ขอบอกก่อนเลยว่าต้องใช้เวลานานอาจจะหลายปี แต่ถ้าทางเราจะเริ่มเก็บข้อมูลตอนของทางฝั่งเราก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องจะตกลงกันนั้นต้องรอให้ทุกอย่างชัดเจนก่อน ไหนจะเรื่องเขตแดนปริมาณน้ำมันที่คาดการณ์แน่นอนและบริษัทที่รับสัมปทานถ้า บริษัทที่รับสัมปทานของทางกัมพูชามีชื่อของบริษัทฝรั่งเศสอันนี้อาจจะเกี่ยว ข้องกับกรณีข้อพิพาทเขตแดนเราไปจนถึงกรณีศาลโลกเลย ซึ่งอาจจะเกี่ยวกันหมดก็ต้องจับตามองกัน ไม่มีความจำเป็นต้องรีบเลย แม้กระทั่งตอนอเมริกาตกลงกับเม็กซิโกเกี่ยวกับแหล่งน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกยัง ใช้เวลานานเลยขนาดทางเขาไม่มีปัญหาเรื่องเขตแดนบนดินนะครับ
     
       อีกประเด็นหนึ่งคือมีการผลักดันเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ทำไมต้องรีบทำเรื่องนี้มีอีกหลายเรื่องที่ท่านควรจะรีบทำก่อน เช่น คาร์บอนเครดิตซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเราไหนจะเรื่องการยกระดับพลังงานทด แทนโดยการผลักดันพลังงานลม ซึ่งอาจจะส่งผลให้เราเป็นแหล่งพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนเลยก็ ได้ อีกทั้งเราจะลดการนำเข้าพลังงานมหาศาลรวมไปถึงผลักดันให้เราเข้าร่วมทบวง พลังงานทดแทนโลก(International Renewable Energy Agency (IRENA)) ซึ่งประเทศเรายังไม่เข้าร่วมเลยขณะนี้มีประเทศลงนาม 149 ประเทศ และประเทศสมาชิก 81 ประเทศ เรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นกว่าหรือ มีความจำเป็นอะไรขนาดนั้นที่ต้องรีบทำเรื่องแหล่งน้ำมันในบริเวณที่ยังมี ปัญหาเรื่องเขตแดนนี้ตั้งแต่ต้น
     
       ขอให้ทุกคนอย่าให้รัฐบาลปิดหูปิดตาทำสัมปทานกับต่างชาติโดย ที่เราไม่รู้อย่างในอดีต เพราะเรื่องนี้เป็นยุทธศาสตร์พลังงานในอนาคตเพื่อรุ่นลูกหลานด้วย ผมมีข้อมูลเชิงลึกที่พร้อมจะเปิดเผยโดยจะขอเสนอในบทความต่อๆ ไป

ดร.รักไทย บูรพ์ภาค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง