หลังมีข่าว แพร่สะพัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกในคดีคอรัปชั่น พี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้ากัมพูชาในวันที่ 19-21 สิงหาคม โดยมีกำหนดการพานักธุรกิจเข้าพบสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เจรจาพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา บริเวณอ่าวไทย ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่นวันที่ 22-28 สิงหาคมนั้น รัฐบาลไทยออกมายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง
"เป็นการเดินทางมา เจรจาเรื่องส่วนตัว" นายกรัฐมนตรีไทยซึ่งเป็นน้องสาวนักโทษชายรายนี้กล่าว แต่เธอยังปฏิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เดินทางไปในนามรัฐบาล "คงไปเรื่องส่วนตัว"
ก่อนหน้านี้ วิกิลีกส์ เว็บไซต์จอมแฉ เปิดเผยข้อมูลลับที่ได้มาจากสถานทูตสหรัฐอเมริกา ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2007 จากการเดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ของสภาธุรกิจสหรัฐ–อาเซียน โดยเป็นข้อมูลในระหว่างการหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากบริษัท ConocoPhillips บริษัทข้ามชาติที่ทำธุรกิจด้านพลังงานเชื้อเพลิงที่ใหญ่อันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา “เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทกับประเทศไทยเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย” และทาง ConocoPhillips ได้รับสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าว เป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปี
ทั้งนี้ นายกาว กิมฮูร์น ผู้ช่วยรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวกับเจ้าหน้าที่ของ ConocoPhillips ว่า รัฐบาลไทยและกัมพูชาเข้าใกล้ข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ในอ่าวไทยแล้ว โดยทั้ง 2 ฝ่ายวางระบบข้อตกลงร่วมกันสำหรับการแบ่งสรรรายได้ ดังนี้ แบ่งรายได้ 80%ให้กับประเทศไทย และ 20% ให้ประเทศกัมพูชา ในแนวระดับที่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด, 50–50% ในระดับกลาง และ 20% ให้กับประเทศไทย ซึ่งส่วนที่เหลือเป็นของประเทศกัมพูชา ในแนวระดับใกล้กับประเทศกัมพูชามากที่สุด แต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณถูกยึดอำนาจไปเสียก่อนที่จะบรรลุข้อตกลง
ต่อมา เมื่อปี 2009 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับประเทศกัมพูชา หลังคณะรัฐมนตรีของไทยพยายามเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกบันทึกความเข้าใจที่ทำไว้ กับกัมพูชาเมื่อปี 2001 ส่วนข้อมูลเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2009 ครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเยือนกรุงพนมเปญ โดยนักสังเกตการณ์ส่วนใหญ่นั้นเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณและสมเด็จฮุน เซน อาจมีการทำข้อตกลงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวบางอย่างร่วมกัน
"ยุทธศักดิ์" มึน
ด้าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะเดินทางไปกัมพูชาในห้วงเวลาดังกล่าวพร้อมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกเช่นกัน ออกมาปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่อง ต้องไปถามนายกฯ
"ถามท่านนายกฯ ดีกว่า เพราะผมไม่เกี่ยวข้องกับทางนี้ และส่วนที่ผมจะเดินทางไปกัมพูชาในวันศุกร์นี้ คือจะเดินทางไปพร้อมกับ ผบ.ทบ. เพื่อดูเรื่องพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 ในเขตประเทศไทยเท่านั้น"
ซัก ว่าเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลเป็นเรื่องที่รัฐบาลต่อรัฐบาลต้องเจรจากันใช่ หรือไม่ รมว.กลาโหมตอบว่า คงคุยหลังจากนี้ แต่ขณะนี้ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของกระทรวงอื่น อีกทั้งยังเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ตนดูในเรื่องของความมั่นคง ปัญหาชายแดน แต่ในเรื่องของเศรษฐกิจที่จะไปเจรจากัน ขออนุญาตไม่ตอบ เราจะไม่ทำให้เสียเปรียบในเรื่องอาณาเขตทางทะเล แต่ในเรื่องผลประโยชน์ระหว่างชาติจะเป็นเรื่องของกระทรวงอื่นที่ดูแลใน เรื่องเศรษฐกิจ
ถามว่า เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ตอบว่า ต้องนำเรื่องเข้ามาใน ครม.ในภายหลัง ซึ่งขณะนี้เป็นเรื่องของแต่ละกระทรวงต้องดูแลไปก่อน ส่วนเรื่องของการแบ่งอาณาเขตที่ชัดเจน เมื่อถึงเวลาค่อยว่ากัน ซึ่งเราจะเริ่มคุยกันเรื่องอาณาเขตระหว่างไทย-กัมพูชากันตั้งแต่อาทิตย์หน้า เป็นต้นไป และตนจะตอบจดหมาย พล.อ.เตีย บัณห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่เขียนมาถึงเป็นฉบับที่ 2
เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปยังกัมพูชาจริง จะมีผลดี-ผลเสียอย่างไรระหว่างการเจรจาระหว่างรัฐบาล รมว.กลาโหม ปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยว เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่าน ตนไปทำงานตามหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบ และ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้แจ้งอะไรให้ทราบ และที่ตนจะเดินทางไปเพราะเขาเป็นเจ้าภาพในการประชุมจีบีซีเท่านั้น
พ.อ.ธนา ธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า หนังสือเชิญของ พล.อ.เตีย บัณห์ ที่ส่งมาจำนวน 2 ฉบับ โดยฉบับแรกแสดงความยินดีตามที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ส่วนฉบับที่ 2 เป็นหนังสือเชิญให้กองเลขานุการคณะกรรมการฝ่ายไทยร่วมหารือเพื่อจัดการ ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย–กัมพูชา ครั้งที่ 8 และเรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานการประชุมร่วมกัน รวมทั้งเรียนเชิญให้เดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ซึ่งขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้จัดทำหนังสือตอบรับคำเชิญดัง กล่าว
"ปึ้ง" ยังโกหก
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.กระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวอ้างว่า ไม่ทราบเรื่องการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะไปกัมพูชา มีแต่ได้ยินจากเพื่อน ส.ส.พูดกัน ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ ส่วนกรณีที่ญี่ปุ่นระบุว่ารัฐบาลไทยเป็นคนร้องขอให้ออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นจริง ตนได้แถลงไปแล้ว
“ที่ร้องขอนั้น ไม่ได้เป็นการร้องขอ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณขอจากที่ไหนไม่ทราบ อย่างไรก็ตามเท่าที่ทูตญี่ปุ่นแจ้งให้ทราบนั้น การเดินทางไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการจะไปดูเรื่องสึนามิ ทั้งนี้ การขอวีซ่าเข้าประเทศใดนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่มีความสามารถไปให้ประเทศนั้นๆ ออกวีซ่าได้ ส่วนเรื่องพาสปอร์ตแดง ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ และไม่ต้องห่วง ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมาย และรัฐบาลก็ไม่มีนโยบายในเรื่องดังกล่าว” นายสุรพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องในการคัดเลือกท่านเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่า การกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ และด้วยสาเหตุอะไรจึงถูกคัดเลือกขึ้นมา นายสุรพงษ์กล่าวว่า เป็นการคัดเลือกกันของนายกรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรค ซึ่งตนเคยทำการค้า และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้นเน้นนโยบายด้านการค้า ซึ่งจะเป็นมิติใหม่ของกระทรวงการต่างประเทศ โดยเราจะมุ่งเน้นการค้า ยอมรับว่างานที่ได้รับมอบหมายมานั้นหนัก แต่ตนไม่หนักใจ รวมทั้งตนเป็นรัฐมนตรีที่แย่ที่สุดในประเทศไทย ก็คงไม่มีอะไรแย่กว่านี้แล้ว แต่ตนจะทำให้ดีที่สุดเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
ถามว่า จะมีการประสานงานไปยังญี่ปุ่นเพื่อออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ รมว.การต่างประเทศตอบคำถามนี้ว่า "ผมคงไปสั่งทางญี่ปุ่นไม่ได้" อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้ทำได้ รัฐบาลชุดที่แล้วก็คงทำสำเร็จแล้ว รวมทั้งก็คงให้สถานทูตรายงานที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปแล้ว ซึ่งตนก็ไม่รู้ขั้นตอนในการดำเนินการทางกฎหมายว่าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีกี่หน่วยงาน อย่างไรก็ตามหากดำเนินงานได้ง่าย นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.การต่างประเทศคงทำได้แล้ว
ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ยังไม่มีการยืนยันกำหนดเดินทางมายังประเทศกัมพูชา ถ้าเดินทางมาและตนทราบข่าวจะแถลงให้ทราบ อย่างไรก็ตามหาก พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาจริง ก็คงจะมาพบกับสมเด็จฮุน เซน พูดคุยเรื่องส่วนตัวในฐานะเพื่อนฝูงที่รู้จักกัน คงไม่มีเรื่องธุรกิจหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไร ขอให้มั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ทำอะไรให้เกิดความเสียหายต่อประเทศแน่นอน
"ถ้าเดิน ทางมากัมพูชาจริง ก็คิดว่าท่านจะมีส่วนช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศให้กลับมาดีเหมือนเดิม ประชาชนสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันเหมือนเมื่อก่อน ท่านจะเดินทางไปไหน ที่ญี่ปุ่น หรือประเทศใดก็ตาม ขอให้ทุกคนสบายใจได้ว่าประเทศไทยจะไม่เสียหาย แต่จะเป็นการสร้างโอกาสให้ประเทศไทยประสานความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ ให้ดีขึ้น ซึ่งท่านจะช่วยในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ไม่ใช่พี่ชายนายกฯ หรือเป็นทูตการค้าใดๆ” นายนพดลระบุ
"แม้ว" คุมรัฐบาล-กองทัพ
เมื่อ วันอังคาร พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเกียวโดเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการเดินทาง เยือนญี่ปุ่นของตนในวันจันทร์สัปดาห์หน้าว่า ตั้งใจจะไปเยือนพื้นที่ประสบภัยสึนามิเพื่อดูว่าจะสามารถสร้างความร่วมมือ หรือให้การช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง คิดว่าประเทศไทยอาจมีบทบาทได้ในบางเรื่อง เช่น อำนวยความสะดวกให้บริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนา มิย้ายการประกอบการมายังประเทศไทย หรือออกวีซ่าระยะยาวให้ผู้รอดชีวิตชาวญี่ปุ่นมาพำนักรักษาตัวในประเทศไทย หลังจากไปเยือนพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว ตนจะเสนอให้รัฐบาลไทยพิจารณาการสร้างความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น
พ.ต.ท. ทักษิณยังกล่าวด้วยว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บทบาทผู้นำขึ้นกับนายกรัฐมนตรี ตนจะให้คำแนะนำแก่รัฐบาลเมื่อจำเป็น ไม่ได้ให้คำแนะนำทุกวัน นอกจากนี้ตนจะรักษาระยะห่างกับรัฐบาลไทยและกองทัพ หวังที่จะเห็นความปรองดองในประเทศไทย
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าการขอวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศญี่ปุ่นได้นั้นทำในนามรัฐบาลไทยว่า คำว่ารัฐบาลต้องดูว่าใครเป็นตัวแทน และถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ได้มอบหมายให้นายนิพิฏฐ์และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชา ธิปัตย์ติดตามอยู่ ทั้งนี้ การไปยื่นกล่าวโทษนั้นมีหลายช่องทาง ส่วนจะนำไปสู่การถอดถอนรัฐมนตรีด้วยหรือไม่นั้นฝ่ายกฎหมายจะเป็นผู้ชี้แจง
กรณี ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปประเทศกัมพูชาเพื่อไปเจรจาธุรกิจน้ำมันนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณไปเจรจาธุรกิจตัวเอง แต่เรายืนยันว่ารัฐบาลมีหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของตัวเอง การเจรจากับกัมพูชาไม่ว่าจะเป็นปัญหาทั้งทางบกและทางทะเลต้องดูภาพรวม และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน อยากให้รัฐบาลได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาถูกครหามาตลอดว่าผลประโยชน์ทางทะเลไปเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ ทางธุรกิจของคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลยิ่งต้องแสดงความชัดเจนว่าการเจรจาในทุกเรื่องเป็นไปเพื่อ ประโยชน์ของประเทศโดยส่วนรวม
"คุณทักษิณจะเป็นภาพตัวแทนรัฐบาลหรือไม่ นั้น ผมไม่ทราบ แต่อาจจะเป็นเรื่องการเตรียมทำธุรกิจ แต่รัฐบาลขณะนี้กำลังพูดเรื่องถอนทหาร ส่วนเรื่องทางทะเลอาจมีการหยิบขึ้นมาพูดบ้าง แต่ก็ต้องเป็นมติครม. ส่วนจะมีการจบปัญหาทางบกด้วยการเอาผลประโยชน์ทางทะเลไปแลกหรือไม่นั้น ผมคิดว่าไม่ควรเป็นเช่นนั้น รัฐบาลควรปกป้องประโยชน์ประเทศ และใช้เรื่องความต้องการทางทะเลของกัมพูชาให้เป็นประโยชน์กับไทย"
ถาม ว่าการวางตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ ดูมีบทบาทเหนือรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นการประชาสัมพันธ์ตัวเขา ส่วนจะคาดหวังว่าทำเพื่อประเทศชาติได้แค่ไหน รัฐบาลก็ต้องติดตาม ตรวจสอบ ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปบอกกับสื่อญี่ปุ่นว่ามีส่วนในการตั้ง ครม. ก็เป็นเรื่องที่รู้กันแต่ต้น และเป็นการแสดงอำนาจของตัวเอง ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะผู้นำของนายกฯ หรือนั้น ก็เป็นที่เข้าใจของประชาชนอยู่แล้วว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะมีบทบาทแบบนี้ แต่ก็อยากจะย้ำว่าคนที่รับผิดชอบต้องเป็นคนตัดสินใจทุกเรื่อง
ขณะที่นาย ถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายให้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา ในฐานะทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ไปพิจารณาในรายละเอียดเพื่อดำเนินการร้องทุกข์ผู้เกี่ยวข้องจากกรณีที่มีการ ดำเนินการร้องขอวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศญี่ปุ่น เพราะการกระทำดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายของบุคคลที่ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีหน้าที่ทำตามที่กระบวนการยุติธรรมต้องการ อีกทั้งเป็นผู้รู้ที่อยู่ที่ชัดเจน แต่ยังมาสนับสนุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณให้ได้รับการช่วยเหลือ
วันเดียวกันนี้ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานกลุ่มเสื้อหลากสี แจ้งว่า จะนัดรวมกลุ่มในวันที่ 18 สิงหาคม เวลา 09.30 น.ที่สถานทูตญี่ปุ่น เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านกรณีออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น